ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

 

"หมอประดิษฐ" บอกเป็นสิทธิ์ส่วนตัว "หมอวิชัย" ฟ้องดีเอสไอ เผยอภ.มีสต็อกยา 3,400 ล้านบาท จี้รายงานบัญชียาหมดอายุใน 1 ปี กก.สอบข้อเท็จริง โรงงานผลิตยาต้านไวรัสเอดส์ เตรียมส่งข้อสรุปบอร์ด อภ.ด้าน สหภาพแรงงานอภ.ออกสมุดปกขาว แจงทุกกรณี

จากกรณี นพ.วิชัย โชควิวัฒน อดีตประธานคณะกรรมการองค์การเภสัชกรรม(บอร์ดอภ.)จะฟ้องกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ หากพิจาณณาสำนวนที่ดีเอสไอส่งชี้มูลเข้าข่ายกระทำความผิดไปยังสนำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)เข้าข่ายละเมิดเป็นการใช้ดุลพินิจโดยมิชอบ เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม นพ.ประดิษฐ์ สินธวณรงค์ รมว.สาธารณสุข(สธ.) กล่าวว่า เป็นสิทธิ์ส่วนตัวที่นพ.วิชัยจะดำเนินการฟ้องร้อง แต่ดีเอสไอเป็นหน่วยงานของรัฐที่ทำหน้าที่ตามกฎหมายอยู่แล้ว จากการเข้าไปดูโรงงนผลิตยาพาราเซตามอลที่ อภ.ด้วยตนเองเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม พบว่า ยังไม่มีการเปิดการผลิต เครื่องจักรยังไม่ได้ติดตั้ง ส่วนการดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องต่างๆ ของอภ.เช่น การก่อสร้างโรงงานวัคซีนไข้หวัดใหญ่/ไข้หวัดนก ยาพาราเซตามอล ทั้งเรื่องการจัดซื้อวัตถุดิบและโรงงานผลิต และการก่อสร้างโรงยายผลิตยาต้านไวรัสเอดส์ เป็นต้น โดยบอรืด อภ.นั้นยังไม่ได้รับรายงาน แต่ทราบว่าบอร์ดจะประชุมในส่วนสิ้นเดือนพฤษภาคมนี้ และได้สั่งการให้อภ.รายงานบัญชียาที่จะหมดอายุใน 1 ปีจากสต็อกยาที่อภ.มีอยู่ 3,400 ล้านบาทว่ามีจำนวนเท่าไหร่จะได้บริหารจัดการที่ดี

ด้าน นพ.นิพนธ์ โพธิพัฒนชัย อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ในฐานะคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงกรณีการก่อสร้างโรงงานผลิตยาต้านไวรัสเอดส์หรือเออาร์วีขององค์การเภสัชกรรม เปิดเผยว่า ภายในวันที่ 8 พฤษภาคมนี้ คณะกรรมการจะสรุปผลการตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งผลสรุปเบื้องต้นไม่ได้มีการชี้มูลความถูกผิดของเรื่องดังกล่าวเพียงแต่ได้มีการตั้งข้อสังเกตุของกระบวนการทำงานซึ่งพบว่า มีการปรับแบบการก่อสร้างตลอดระยะเวลาและทำให้มีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการเห็นว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งบริษัทที่ปรึกษา ผู้รับเหมา คณะกรรมการตรวจการจ้างจำเป็นต้องหาทางออกร่วมกัน เพื่อให้โรงงานไกล้จะเสร็จสามารถเดินหน้าต่อและเปิดใช้งานได้

นายระวัย ภู่ผะกา ประธานสหภาพแรงงานรับวิสาหกิจองค์การเภสัชกรรม(อภ.)กล่าวว่า ได้มีการจัดทำสมุดปกขาวเป็นเอกสารที่ส่วนใหญ่ทางผู้บริหารได้ยื่นให้แก่ดีเอสไอทุกเรื่อง ทั้งกรณีวัตถุดิบ ยาพาราฯ การสร้างโรงงานวัคซีนล่าข้า ฯลฯ เช่นกรณีข้อสังสัยที่ว่าสั่งซื้อวัตถุดิบยาพาราฯ เข้ามา 48 ตัน แล้วพบการปนเปื้อน เหตุใดจึงยังสั่งเข้าอีก 100 ตัน ซึ่งพบการปนเปื้อนนั้นพบภายหลังจากการนำเข้าวัตถุดบลอตที่สอง หรืออย่างกรณี นพ.ประดิษฐ ให้ อภ.จัดหาน้ำเกลือ 7 ล้านถุง เพื่อให้โรงพยาบาลต่างๆ มาซื้อน้ำเกลือจาก อภ.โดยตรงในช่วงนี้น้ำเกลือขาดแคลน ปรากฎว่าขณะนี้ขายไปได้เพียง 1 ล้านถึงเท่านั้น ยังเหลืออีก 6 ล้านถุง มูลค่าแล้วก็ประมาณ 180 ล้านบาท โดยได้ยื่นต่อสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ

ที่มา: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก วันที่ 9 พฤษภาคม 2556