ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

สาธารณสุข เร่งควบคุมป้องกันวัณโรค และปัญหาเชื้อวัณโรคดื้อยา ในปีนี้ใช้ระบบให้ อสม. เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ร่วมกับภาคเอกชน สำรวจและค้นหาผู้ป่วยจากกลุ่มเสี่ยงสำคัญ โดยเฉพาะผู้ป่วยเบาหวานและผู้สูงอายุ

 มีแนวโน้มเป็นคู่หูตัวใหม่ของเชื้อวัณโรคเนื่องจากมีภูมิคุ้มกันของร่างกายน้อย กำชับให้แพทย์ตรวจคัดกรอง หากพบจะให้การรักษาฟรีโดยมีพี่เลี้ยงกำกับให้กินยาจนครบสูตร 6-8 เดือนและหายขาด สถานการณ์ล่าสุดคาดไทยมีผู้ป่วยวัณโรครายใหม่เพิ่มปีละเกือบ 90,000 ราย และมีผู้ป่วยติดเชื้อวัณโรคชนิดดื้อยาหลายขนานราว 2,000 ราย

 วันนี้ (29 พฤษภาคม 2556) ที่โรงแรมมิราเคิลแกรนด์ กรุงเทพฯ นายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดประชุมสัมมนาวิชาการวัณโรคและโรคระบบทางเดินหายใจ ครั้งที่ 9 จัดโดยกระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับสมาคมปราบวัณโรคแห่งประเทศไทย ในประบรมราชูปถัมภ์ และสมาคมอุรเวชช์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยมีแพทย์ พยาบาล นักวิชาการ นักเทคนิคการแพทย์ เจ้าหน้าที่สาธารณสุข จากทั่วประเทศร่วมประชุม พร้อมมอบนโยบายในการควบคุมวัณโรคของไทย เพื่อเตรียมความพร้อมระบบการแก้ไขปัญหา ก่อนการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน

 นายแพทย์ณรงค์ให้สัมภาษณ์ว่า วัณโรคยังคงเป็นปัญหาแพร่ระบาดทั่วโลก เป็นสาเหตุการเสียชีวิตปีละกว่า 1.7 ล้านคน องค์การอนามัยโลกจัดให้ไทยเป็น 1 ใน 22 ประเทศที่มีปัญหาวัณโรคในระดับรุนแรง คาดว่าขณะนี้ประเทศไทยมีผู้ป่วยวัณโรคทั้งรายเก่าและใหม่ประมาณ 110,000 ราย มีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มปีละประมาณ 86,000 ราย และมีผู้เสียชีวิตประมาณ 9,800 ราย ประการสำคัญที่สุดที่ต้องเร่งจัดการปัญหาให้เร็วและมีประสิทธิภาพที่สุดก็คือปัญหาเชื้อวัณโรคดื้อยาหลายขนานและดื้อยารุนแรง ซึ่งจะต้องใช้งบประมาณเพื่อการตรวจวินิจฉัยและรักษาสิ้นเปลืองกว่าเชื้อวัณโรคทั่วไป 50 ถึง 100 เท่า องค์อนามัยโลกประมาณการณ์ว่าประเทศไทยน่าจะมีผู้ป่วยวัณโรคดื้อยาหลายขนานและวัณโรคดื้อยารุนแรงประมาณ 2,000 ราย และอาจแพร่เชื้อชนิดนี้ไปสู่คนอื่นได้อีก

 ในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ในปีนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดแนวทางการดำเนินงานเชิงรุกมากขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพจัดการปัญหาให้บรรลุผลสำเร็จเร็วขึ้น โดยร่วมมือกับสมาคมปราบวัณโรคแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และให้ อสม. เจ้าหค้นหาผู้ป่วยจากกลุ่มเสี่ยงสำคัญ ตั้งเป้าค้นหาผู้ป่วยให้ได้เร็ว และให้การรักษาให้หายขาดทุกรายไม่ให้มีปัญหาผู้ป่วยขาดยา ซึ่งจะลดปัญหาเชื้อวัณโรคดื้อยาได้ และลดการเสียชีวิตให้เหลือน้อยกว่าร้อยละ 5

 นายแพทย์ณรงค์กล่าวต่อว่า จากการติดตามความก้าวหน้าของการควบคุมวัณโรคในประเทศไทย พบว่าในกลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรังที่เป็นกลุ่มเสี่ยงติดเชื้อวัณโรคง่ายในอดีตเช่นผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวี ผู้ติดสุรา โรคหอบหืด ผู้ที่อยู่ในชุมชนอัด มีระบบการค้นหา สามารถควบคุมอยู่ในเกณฑ์ดี แต่เรื่องที่ต้องเพิ่มความสนใจเป็นพิเศษอีก 2 กลุ่มคือผู้ป่วยเบาหวาน และผู้สูงอายุ มีข้อมูลทางการแพทย์ทั่วโลกว่ากำลังมีแนวโน้มจะเป็นคู่หูของเชื้อวัณโรคด้วย เนื่องจากมีภูมิคุ้มกันร่างกายต่ำกว่ากลุ่มอื่นๆ และจำนวนผู้ป่วยเบาหวานของไทยมีมาก ขณะนี้คาดว่ามีประมาณ 3 ล้านคน แนวโน้มเพิ่มขึ้นจากการขาดการออกกำลังกายและการกินอาหารที่ไม่สมดุล ขณะเดียวกัน ไทยมีจำนวนผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปขณะนี้ประมาณ 9.5 ล้านคน กำลังก้าวเข้าสู่การเป็นสังคมของผู้สูงอายุ จึงได้ให้โรงพยาบาลที่มีคลินิกโรคเบาหวานและคลินิกผู้สูงอายุ เพิ่มระบบการตรวจคัดกรองหาการติดเชื้อวัณโรคด้วย หากพบให้รักษาฟรี

 จนหายขาด นอกจากนี้ให้ทุกจังหวัดจัดระบบประกันสุขภาพให้ต่างด้าวที่เข้ามาใช้แรงงานหรือติดตามครอบครัวทุกคน จะได้รับการตรวจหาวัณโรคและให้การรักษาจนหายขาด เพื่อเตรียมมาตรการของไทยพร้อมก่อนที่ไทยจะเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปี 2558 ซึ่งคาดว่าจะมีต่างด้าวเข้าไทยมากขึ้น

 ที่มา: http://www.thanonline.com