ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

 

เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน นพ.พีระพงษ์ สายเชื้อ รองปลัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) แถลงข่าวว่า ตามที่ กทม.ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (ซีดีซี) ดำเนินโครงการศึกษายาทินอฟโฟเวียซึ่งเป็นยาต้านไวรัสเอดส์กับผู้ใช้ยาเสพติดที่สมัครใจเข้าโครงการ ตั้งแต่ปี 2548 รวม 2,413 ราย พบว่าอาสาสมัครทุกรายได้รับยาทินอฟโฟเวียฟรีอย่างสม่ำเสมอ และได้รับความรู้และเข้ารับคำปรึกษาเกี่ยวกับการป้องกันการติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์และจากการฉีดยาเสพติด รวมถึงได้รับการตรวจหาเชื้อเอชไอวีอย่างสม่ำเสมอ ได้รับแจกถุงยางอนามัย และน้ำยาล้างเข็มด้วย

"ผลการศึกษาพบว่าสามารถลดความเสี่ยงการติดเชื้อเอชไอวีได้ถึงร้อยละ 74 ซึ่งถือเป็นโครงการที่ดี แม้ผลการศึกษาโครงการจะเสร็จสิ้นแล้ว แต่ กทม.จะยังให้ยาแก่อาสาสมัครฟรีต่ออีก 1 ปี และในอนาคตอาจจะมีการหารือร่วมกับ สธ. และซีดีซี เพื่อขยายผลโครงการต่อไปทั้งในกรุงเทพฯ และทั่วประเทศ ทั้งนี้ กทม.จะนำผลการวิจัยดังกล่าวมาใช้ในกระบวนการบำบัดยาเสพติดเพื่อลดการใช้ยาเสพติดของคนกรุงเทพฯ ต่อไป" นพ.พีระพงษ์กล่าว และว่า การวิจัยดังกล่าว แม้จะได้ผลดี แต่อีกด้านหนึ่งก็อาจจะทำให้ผู้เสพยาหันมาเสพยาเพิ่มขึ้น เนื่องจากเห็นว่ามียาป้องกัน ดังนั้น จึงต้องมีการทำความเข้าใจร่วมกันไปเพื่อให้ผู้ใช้ยาลดการใช้ยา

ด้าน พญ.สุพักตร์ วาณิชเสนี หัวหน้าผู้ประสานงานด้านคลินิก โครงการศึกษายาทิ นอฟโฟเวียใน กทม. กล่าวว่า ยาทินอฟโฟเวีย มีอยู่แล้วในประเทศไทย โดยนำเข้าจากสหรัฐ แต่ไม่สามารถซื้อได้ทั่วไป เนื่องจากเป็นยาอันตราย ต้องให้แพทย์สั่งเท่านั้นในราคาเม็ดละประมาณ 40 บาท และว่า ที่เลือกศึกษายาทินอฟโฟเวียมา เนื่องจากยามีความปลอดภัยสูง ไม่มีผลข้างเคียง และได้ประสิทธิภาพค่อนข้างสูง กินวันละ 1 ครั้ง ครั้งละ 1 เม็ด

ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน วันที่ 14 มิถุนายน 2556