ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

3 สมาคมวิชาชีพร่วมออกแถลงการณ์ หนุนรัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุขสั่งแบนแร่ใยหิน ห่วงสุขภาพประชาชนที่เสี่ยงโรคร้าย หวั่นอาจเกิดการเสียชีวิตเพิ่ม พร้อมเสนอแนะ 5 มาตรการป้องกันและแก้ปัญหา

เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2556 3 สมาคมวิชาชีพ ซึ่งประกอบด้วย สมาคมโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อมแห่งประเทศไทย สมาคมพยาบาลอาชีวอนามัยแห่งประเทศไทย และสมาคมอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน ได้ร่วมแถลงข่าวการออกแถลงการณ์แสดงจุดยืนให้ยกเลิกใช้แร่ใยหินในผลิตภัณฑ์ทุกชนิด ภายหลังการประชุมคณะกรรมการศึกษาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับผลกระทบต่อสุขภาพจากแร่ใยหินครั้งที่ 4 โดยมี นพ.ชาญวิทย์ ทระเทพ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน โดยในแถลงการณ์เสนอให้รัฐบาลห้ามนำเข้าแร่ใยหินไครโซไทล์ทันที รวมทั้งห้ามผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของแร่ใยหินไครโซไทล์ภายใน 3 ปีนับจากปัจจุบัน ทั้งนี้เพื่อเป็นการปกป้องประชาชนจากอันตรายที่เกิดจากการใช้แร่ใยหิน

ศ.นพ.สุรศักดิ์ บูรณตรีเวทย์ ผู้แทนสมาคมโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ทางสมาคมได้เข้าร่วมเป็นคณะกรรมการศึกษาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับผลกระทบต่อสุขภาพจากแร่ใยหิน เพื่อดำเนินการตามมติครม.เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2554 ที่มอบให้กระทรวงสาธารณสุขทำการศึกษาผลกระทบด้านสุขภาพ โดยได้มีการประชุมไปแล้ว 4 ครั้งเพื่อหาข้อสรุป ทางสมาคมวิชาชีพทั้ง 3 แห่ง จึงได้หารือร่วมกันและตกลงว่าจะมีแสดงจุดยืนต่อสาธารณชน โดยยึดตามหลักฐานข้อมูลวิชาการ เพื่อยืนยันว่าแร่ใยหินไครโซไทล์และแร่ใยหินทุกประเภทเป็นตัวก่อมะเร็งเยื่อหุ้มปอด และขอให้ทางคณะกรรมการฯเร่งสรุปผลที่เป็นการปกป้องประชาชน

ทั้งนี้ จากข้อมูลองค์การอนามัยโลก องค์การแรงงานระหว่างประเทศ และองค์กรวิจัยมะเร็งระหว่างประเทศชี้ว่าแร่ใยหินทุกชนิดรวมถึงแร่ใยหินไครโซไทล์ เป็นสารก่อมะเร็งในมนุษย์ อย่างมะเร็งเยื่อหุ้มปอด และยังทำให้เกิดโรคปอดอักเสบจากแร่ใยหินหรือแอสเบสโตซิส หรือความผิดปกติของเยื่อหุ้มปอด และไม่มีการสัมผัสแร่ใยหินระดับใดที่ยอมรับว่าปลอดภัย แม้ว่าขณะนี้ในประเทศไทยจะมีรายงานพบผู้ป่วยเพียง 4 ราย แต่เชื่อว่าน่าจะมีผู้ป่วยถึง 500-1,000 ราย เพราะที่ผ่านมาไม่มีระบบในการติดตามผู้ป่วย อีกทั้งการเกิดมะเร็งเยื่อหุ้มปอดจะต้องใช้เวลา 10-20 ปี ทำให้ขาดการบันทึกการเสียชีวิตอย่างต่อเนื่อง จึงเห็นว่าทางคณะกรรมการฯควรเร่งเสนอผลสรุปที่เป็นการปกป้องสุขภาพประชาชน

ศ.นพ.สุรศักดิ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ทางสมาคมขอเสนอแนะไปยังรัฐบาล เร่งดำเนินการ 5 ข้อ เพื่อแก้ไขปัญหาแร่ใยหินที่จะส่งผลต่อสุขภาพประชาชน คือ 1.ยกเลิกใช้แร่ใยหินทุกชนิด ห้ามนำเข้าแร่ใยหินไครโซไทล์ทันที และห้ามผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของแร่ใยหินไครโซไทล์ภายใน 3 ปีนับจากปัจจุบัน 2.ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสารทดแทนที่ปลอดภัยกว่าแร่ใยหิน 3.ใช้มาตรการป้องกันการได้รับสัมผัสแร่ใยหินที่มีอยู่ในปัจจุบัน 4.ปรับปรุงการวินิจฉัยตั้งแต่ระยะเริ่มแรก การรักษา การฟื้นฟู และพัฒนาระบบเพื่อเฝ้าระวังต่อไป และ 5.จัดตั้งกองทุนช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากแร่ใยหิน

รศ.ดร.วันทนี พันธุ์ประสิทธิ์ อาจารย์คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ในฐานะตัวแทนสมาคมอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน กล่าวว่า เรื่องแร่ใยหินไม่มีอะไรใหม่ เป็นเรื่องเดิมที่เรื้อรังมานาน ทั่วโลกต่างทราบกันดีถึงภัยอันตราย แต่ประเทศไทยกลับมีความพยายามหาทางพิสูจน์ที่ต้องใช้เวลาดำเนินการ ดังนั้น ทางสมาคมจึงออกแถลงการแสดงจุดยืนว่าแร่ใยหินเป็นอันตราย เพราะทางองค์กรระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ ต่างระบุชัดเจนแล้วว่าเป็นสารที่ก่อให้เกิดมะเร็ง ทุกฝ่ายจึงควรตัดสินใจว่าจะดำเนินการมาตรอย่างไรเพื่อทำให้ประชาชนปลอดภัยจากอันตรายมากกว่า

 “ขณะนี้หลายประเทศยกเลิกการนำเข้าและใช้ไปแล้ว แต่หากเรายืนยันใช้ต่อไป จะต้องมีการพัฒนาคน พัฒนาเครื่องมือควบคุมและติดตามผลกระทบ ซึ่งก็ไม่มีอะไรการันตีความปลอดภัยให้กับประชาชนได้ร้อยเปอร์เซ็น ขณะที่การยกเลิกนำเข้าและใช้จะกระทบเฉพาะเพียงแค่ผู้ผลิตเท่านั้น ซึ่งจะต้องมีการปรับตัวและปรับปรุงเทคโนโลยีต่อไป” รศ.ดร.วันทนี กล่าว