ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

กรมสุขภาพจิตเตือนลูกศิษย์อดีตพระมิตซูโอะ ให้ทำใจและหาที่ยึดเหนี่ยวใหม่ ไม่ควรยึดติดตัวบุคคล ครอบครัวหรือเพื่อนควรดูแลใกล้ชิดในระยะแรก สิ่งที่ต้องทำความเข้าใจคือ พระอริยสงฆ์ก็เป็นมนุษย์ ย่อมเกิดความรู้สึกเหมือนคนทั่วไปได้ นายอำเภอไทรโยคแนะอดีตพระอาจารย์หยุดเผยแพร่คลิป ข้อความ แล้วทุกอย่างจะเงียบไปเอง อยากให้ได้ใช้ชีวิตปกติกับภรรยาเหมือนฆราวาสทั่วไป

เมื่อวันที่ 1 ก.ค. นพ.ทวี ตั้งเสรี รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวถึงกรณีพระมิตซูโอะ คเวสโก อายุ 62 ปี เจ้าอาวาสวัดสุนันทวนาราม จ.กาญจนบุรี ตัดสินใจสึกจากเพศบรรพชิตอย่างเงียบๆ แล้วตามด้วยข่าวจดทะเบียนสมรสกับนางสุทธิรัตน์ มุตตามระ หรือสีกาแอน ไฮโซสาวใหญ่ที่ประเทศญี่ปุ่น ว่า ตามธรรมชาติของมนุษย์มักต้องการที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ และ คนส่วนมากมักใช้ศาสนาเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ ชาวพุทธจะมีหลักยึดต่างกัน ทั้งนับถือพระพุทธรูป หรือพระอริยสงฆ์ ซึ่งล้วนเป็นสิ่งดีที่จะมีเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ แต่ในกรณีตรงกันข้ามหากสิ่งที่ใช้เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจสูญหาย เสื่อมเสีย ผู้ที่นับถือนั้นย่อมเกิดความผิดหวัง และเสียใจต่อเหตุการณ์นั้นมากกว่าคนทั่วไปที่ไม่ได้ผูกพันกับสิ่งนั้นๆ

ในระยะแรกที่เกิดความผิดหวัง ความสูญเสียนั้นจะนำไปสู่ภาวะซึมเศร้าได้ ระยะนี้บุคคลนั้นๆ จึงต้องการเพื่อน ต้องการคนใกล้ชิดมาเอาใจใส่ และช่วยบรรเทาความเสียใจหรือทำใจ ครอบครัวหรือเพื่อนเป็นส่วนสำคัญที่จะให้ความช่วยเหลือในระยะนี้ โดยเฉพาะหากเป็นผู้มีบุคลิกเสี่ยงด้านสุขภาพจิตจำเป็นต้องดูแลอย่างใกล้ชิด

"สิ่งที่ต้องทำความเข้าใจคือ พระอริยสงฆ์ก็เป็นมนุษย์คนหนึ่งเพียงแต่มีการฝึกจิตใจมากกว่าคนทั่วไป ย่อมเกิดความรู้สึกเหมือนคนทั่วไปได้ สิ่งที่เกิดขึ้นจึงต้องมองให้เป็นอนิจจัง ไม่มีใดๆ ในโลกที่มีความแน่นอน โดยคำแนะนำโดยทั่วไปคือ ไม่ยึดมั่นถือมั่นในสิ่งใดสิ่งหนึ่งเพียงอย่างเดียว" รองอธิบดีกรมสุขภาพจิตกล่าว

นพ.ทวีกล่าวต่อว่า สำหรับเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจนั้นอย่างไรก็เป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องมี เพื่อให้เกิดความมั่นใจทางใจ เมื่อเกิดปัญหาต่างๆ ขึ้นก็จะผ่านไปได้ แต่เครื่องยึดเหนี่ยวทางใจนั้นมีได้หลายๆ อย่างพร้อมกัน โดยเฉพาะศาสนาทุกศาสนามีหลักธรรมคำสอน การยึดในหลักธรรมไม่จำเป็นต้องยึดเฉพาะตัวบุคคล ก็จะเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวได้อย่างดี แต่เมื่อเกิดความผิดหวังไปแล้ว ก็ปล่อยให้เป็นเรื่องธรรมชาติ ต้องปล่อยให้ตัวเองรู้สึกถึงความผิดหวัง ก่อนทำใจให้สงบ คิดถึงเหตุผลอื่นๆ และหาที่ยึดเหนี่ยวจิตใจใหม่ ก็จะทำให้บริหารอารมณ์เสียใจได้เป็นอย่างดี

ขณะที่นายสมชาติ ธีรสุวรรณจักร นายอำเภอไทรโยค จ.กาญจนบุรี กล่าวว่า ตามความคิดเห็นส่วนตัวอยากให้เรื่องเงียบ อดีตพระอาจารย์มิตซูโอะไม่ควรออกมาให้ข่าวหรือโพสต์รูปและข้อความอะไรต่อไปอีก ถ้าสื่อมวลชนไม่นำภาพออกเผยแพร่เรื่องก็คงเงียบไปแล้ว หากอดีตพระอาจารย์จะเผยแผ่ธรรมะในรูปแบบของฆราวาส การสอนนั่งสมาธิ วิปัสสนากรรมฐาน ก็ขอให้ดำเนินการตามที่ตั้งใจไว้ แต่ขอให้อดีตพระอาจารย์หยุดเผยแพร่คลิป เพื่อความสุขในการดำรงชีวิตคู่อย่างสามีภรรยาทั่วไป

นายอำเภอไทรโยคกล่าวอีกว่า ส่วนการดำเนินงานของมูลนิธิมายาโคตมี องค์กรที่เกิดขึ้นจากดำริของอดีตพระอาจารย์มิตซูโอะนั้น อยากให้สานงานต่อไป โดยเฉพาะเรื่องทุน การศึกษาเด็กเรียนดี ซึ่งอดีตพระอาจารย์วางแนวทางช่วยเหลือเด็กนักเรียนในอ.ไทรโยค มาอย่างต่อเนื่อง โดยแจกทุนการศึกษาทุกปี รวมทั้งกิจการที่เป็นสาธารณะเพื่อสังคม ท่านดูแลมาโดยตลอด นอกจากนี้ ยังสนับสนุนการแก้ปัญหายาเสพติด และอีกหลายๆ ด้าน เชื่อว่าแม้อดีตพระอาจารย์จะลาสิกขาไปแล้ว มูลนิธิก็คงจะดำเนินการตามวัตถุประสงค์เดิมต่อไป

"เมื่อท่านลาสิกขาไปแล้วก็อยากให้เป็นเรื่องของชีวิตฆราวาส แต่ขณะที่ท่านอยู่ในสมณเพศ สิ่งที่ได้สั่งสอนมาเป็นคำสอนที่ดีมาก คำสอนเกี่ยวกับหลักธรรมก็ดีมากเช่นกัน ซึ่งท่านเขียนหนังสือธรรมะไว้มากมาย ยังนำมาใช้ประโยชน์ในแนวทางการใช้ชีวิตได้เป็นอย่างดี" นายอำเภอไทรโยคกล่าว

 ด้านพระอาจารย์หนูพรม สุชาโต รองเจ้าอาวาส รักษาการเจ้าอาวาสวัดสุนันทวนาราม สาขาวัดหนองป่าพง ที่ 117 เปิดเผยว่า ปัจจุบันบรรยากาศภายในวัดยังเป็นปกติ เงียบสงบร่มเย็นเหมือนทุกๆ วันที่ผ่านมา พระออกบิณฑบาตตามกิจของสงฆ์ทุกวัน ไม่มีเปลี่ยน แปลงไปจากเดิม คนงานก็ทำงานตามหน้าที่รับผิดชอบ อดีตพระมิตซูโอะท่านสึกจากการเป็นพระไปแล้ว ท่านได้ประกาศด้วยตัวเองเพื่อให้ศิษยานุศิษย์และชาวไทยทราบหมดแล้ว หวังว่าโยมทุกคนคงเข้าใจกันหมดแล้วเช่นกัน

พระอาจารย์หนูพรมเปิดเผยอีกว่า สำหรับเงินรายได้ของวัดส่วนใหญ่ได้จากการจำหน่ายเสื้อผ้า ของที่ระลึก ส่วนจะมีรายได้วันละเท่าไหร่อาตมาไม่สามารถทราบได้ เนื่องจากไม่เคยไปข้องเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ทางวัดมีคณะกรรมการดูแลและรับผิดชอบเป็นขั้นตอน ทราบว่ามีทั้งหมด 4 คน รายได้ทั้งหมดคณะกรรมการวัดจะนำเข้าบัญชีของมูลนิธิมายา โคตมี และบัญชีของวัด ขณะเดียวกันวัดก็มีค่าใช้จ่าย เช่น ค่าแรงคนงาน แต่หากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะสำนักงานพระพุทธศาสนาต้องการตรวจสอบทรัพย์สินของวัด ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ช่วงเช้ามีเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาเข้ามาสอบถามข้อมูลแล้ว

พระอาจารย์หนูพรมเปิดเผยด้วยว่า สำหรับเด็กนักเรียนเรียนดีแต่ครอบครัวยากจน มูลนิธิก็จะให้ความช่วยเหลือต่อไปเหมือนเมื่อครั้งอดีตพระมิตซูโอะยังอยู่ ดังนั้นผู้ปกครองไม่ต้องเป็นห่วง มูลนิธิจะปฏิบัติตามแนวทางที่อดีตพระอาจารย์วางไว้

ที่มา: http://www.matichon.co.th/khaosod