ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เผยขณะนี้คนไทยป่วยเป็นโรคเบาหวานกันมาก เสี่ยงปัญหาตาบอดจากจอประสาทตาเสื่อมหรือเบาหวานขึ้นตาสูงถึงร้อยละ 23 สูงกว่าประชาชนทั่วไป 25 เท่าตัว เร่งป้องกันและตั้งศูนย์เชี่ยวชาญรักษาโรคตาในโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไปทุกจังหวัด พร้อมขยายบริการเชื่อมโยงระหว่างจังหวัด ให้ประชาชนเข้าถึงใกล้บ้าน

วันนี้ (15 กรกฎาคม 2556) นายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์อภิชัย มงคล ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขเครือข่ายสุขภาพที่ 7 ตรวจเยี่ยมราชการที่โรงพยาบาลมหาสารคาม เพื่อติดตามผลการดำเนินงานพัฒนาระบบบริการรักษาพยาบาลแก่ประชาชน รวมทั้งปัญหาอุปสรรคต่างๆ นายแพทย์ณรงค์กล่าวว่า จากรายงานการดำเนินการโรงพยาบาลมหาสารคาม ขณะนี้อยู่ระหว่างการลดความแออัดของผู้ป่วยนอก และพัฒนาศักยภาพการรักษาให้สูงขึ้นในระดับเชี่ยวชาญในสาขาต่างๆ เนื่องจากมีความพร้อม มีแพทย์เฉพาะทาง เป็นศูนย์กลางดูแลผู้ป่วยในจังหวัดซึ่งมีประชากรเกือบ 1 ล้านคน โดยกระจายการตรวจรักษาผู้ป่วยนอกไปที่ศูนย์สุขภาพชุมชน และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพในเขตอ.เมือง 11 แห่ง ส่วนแผนกผู้ป่วยนอกของโรงพยาบาลมหาสารคาม จะตรวจรักษาผู้ป่วยที่มีอาการซับซ้อนที่ส่งมาจากโรงพยาบาลชุมชนและโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล เพิ่มประสิทธิภาพของระบบบริการ ประชาชนไม่ต้องเดินทางไกล

นายแพทย์ณรงค์กล่าวต่อว่า ปัญหาที่น่าห่วงขณะนี้ พบว่าคนไทยเจ็บป่วยโรคเรื้อรังสูงอันดับ 1 ในประเทศ ซึ่งโรคนี้รักษาไม่หายขาด และมีโรคแทรกซ้อนเกิดตามมาได้ง่าย หากดูแลรักษาตนเบาหวาน ทั่วประเทศมีผู้ป่วยประมาณ 3 ล้านคน เรื่องที่ต้องระมัดระวังคือเรื่องตาบอดจากปัญหาจอประสาทตาเสื่อม หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าเบาหวานขึ้นตา พบได้ประมาณร้อยละ 23 ของผู้ป่วย มีความเสี่ยงสูงกว่าประชาชนทั่วไป 25 เท่าตัว ซึ่งตาบอดนี้ยังพบในกลุ่มที่เป็นโรคตาต้อกระจก และต้อหินในผู้สูงอายุด้วย รวมทั้งจากอุบัติเหตุต่างๆ

กระทรวงสาธารณสุขได้เร่งป้องกันโดยจัดระบบการตรวจคัดกรองประชาชนอายุ 15 ปีขึ้นไป เพื่อค้นหาความผิดปกติให้เร็วที่สุด ดูแลป้องกันปัญหาแทรกซ้อน และกระจายศูนย์รักษาโรคตาในโรงพยาบาลศูนย์ และโรงพยาบาลทั่วไปทุกจังหวัด โดยที่โรงพยาบาลมหาสารคาม ได้ตั้งศูนย์รับบริจาคอวัยวะจากผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุจราจรที่สมองตายแล้วร่วมกับสภากาชาดไทย ทั้งดวงตา ตับ ไต หัวใจ ต่อมน้ำเหลือง และผิวหนัง ตั้งแต่พ.ศ.2553-2556 มีผู้บริจาคอวัยวะ 7 คน เฉพาะตาจัดเก็บได้ 42 ดวง และผ่าตัดเปลี่ยนใส่ให้ผู้ป่วย 29 คน หลังเปลี่ยนทุกรายสามารถมองเห็นได้ตามปกติ และผ่าตัดจอประสาทตาป้องกันตาบอดจากเบาหวานขึ้นตา 440 ราย

อย่างไรก็ตาม การพัฒนาระบบบริการของโรงพยาบาลในสังกัดทุกระดับรวมกว่า 10,000 แห่ง จะนำระบบบริหารร่วมมาใช้ เพื่อใช้ทรัพยากรทั้งบุคลากรทุกวิชาชีพ เตียง เครื่องมืออุปกรณ์ต่างๆ ในจังหวัด และระหว่างจังหวัด ร่วมกันบริหารในรูปของคณะกรรมการที่มาจากทุกสาขาวิชาชีพ และจากสถานบริการทุกระดับ ในระดับจังหวัดและระดับเขต เพื่อเชื่อมโยงบริการตั้งแต่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล โรงพยาบาลชุมชน และโรงพยาบาลศูนย์และโรงพยาบาลทั่วไป เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรเพื่อให้ประชาชนได้บริการใกล้บ้าน นายแพทย์ณรงค์กล่าว