ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

เครือข่ายเด็กและเยาวชนไทย ส่งจดหมายเตือนสติผู้บริหารบริษัทบุหรี่ ว่าอย่าคิดถึงกำไรจากการขายสินค้าที่ฆ่าลูกค้าของตนเอง จนลืมความถูกต้องและจริยธรรม และเรียกร้องให้ถอนฟ้องกระทรวงสาธารณสุขกรณีกระทรวงกำหนดให้เพิ่มคำเตือนบนซองบุหรี่เป็น 85%

นายชัชวาล มณฑาทิพย์กุล  ตัวแทนเยาวชนจากเครือข่ายต่าง ๆ กล่าวว่า เครือข่ายเยาวชนได้ส่งจดหมายถึงผู้จัดการบริษัทฟิลิป มอร์ริส และผู้จัดการบริษัท แจแปนโทแบคโค ซึ่งเป็น 2 บริษัทที่ยื่นฟ้อง กระทรวงสาธารณสุข เรียกร้องให้ทั้ง 2 บริษัทใช้สติไตร่ตรองดูเสียใหม่ ว่าสมควรแล้วหรือ ที่บริษัทไปฟ้องศาล เพื่อที่ตัวเองจะได้ไม่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายที่กระทรวงสาธารณสุข กำหนดให้พิมพ์คำเตือนขนาดใหญ่บนซอง บุหรี่

"พวกผมรู้ดีครับว่า บริษัทเหล่านี้ต้องการหากำไรเพิ่มขึ้น ด้วยการล่าลูกค้าใหม่เข้ามาแทนลูกค้าเก่า ที่ป่วยและตายวันละ 140 คน จากการสูบบุหรี่ ลูกค้าใหม่ที่เขาเล็งไว้ก็คือเด็กและเยาวชนรุ่นผม หรือรุ่นน้องผม ซึ่งขณะนี้มีเด็กและเยาวชนไทยอายุ 15-24 ปี ติดบุหรี่แล้วถึง 2,200,000 คน เมื่อรวมกับลูกค้าผู้ใหญ่อีกเกือบสิบล้านคน บริษัทบุหรี่ก็น่า จะมีลูกค้ามากพอและสามารถทำกำไรได้มหาศาลไปอีกหลายสิบปี เพราะอย่างที่เรารู้กันอยู่แล้วว่าบุหรี่เมื่อติดแล้วเลิกยาก ดังนั้นพวกเราจึงตั้งคำถามถึงความรับผิดชอบและจริยธรรมของบริษัทเหล่านี้ และเรียกร้องให้เขาถอนฟ้องกระทรวงสาธารณสุข" นายชัชวาล กล่าว

นายปฐมพงศ์ ประจวบลาภ จากเครือข่ายยุวทัศน์ กล่าวว่า ซองบุหรี่จะต้องบอกความจริงแก่ผู้บริโภค ตนเชื่อว่าคำเตือนขนาด 85% จะมีผลมากยิ่งขึ้นในการเตือนเด็กและเยาวชนไทย ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญของบริษัทบุหรี่ ไม่ให้เข้าไปสู่การตกเป็นทาสของบุหรี่ในอนาคต

ในเย็นวันนี้ เครือข่ายเยาวชนได้ไปทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ ณ ลานหน้าเซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งเป็นอาคารที่บริษัทฟิลิป มอร์ริส เช่าอยู่บนชั้น 22 ด้วยการล้มลงพร้อมกัน 140 คน เพื่อรณรงค์ให้สังคมตระหนักว่า ญาติพี่น้องคนไทยของเราตายจากบุหรี่ถึงวันละ 140 คน พร้อมชูป้าย "บุหรี่=ป่วย+ตาย" และป้ายเรียกร้องให้บริษัทบุหรี่ถอนฟ้องกระทรวงสาธารณสุข

เครือข่ายเยาวชนกลุ่มนี้ ซึ่งประกอบด้วย เครือข่ายของนัก เรียนระดับมัธยม และเครือข่ายนักศึกษามหาวิทยาลัยต่าง ๆ รวมทั้งกลุ่ม Young Filmmakers of Thailand จะรณรงค์ทางเฟซบุ๊ก และโซเชียลเน็ตเวิร์ก ต่าง ๆ เพื่อให้ข้อมูลแก่เพื่อนเยาวชนให้รู้เท่าทันบริษัทบุหรี่ และไม่หลงเป็นลูกค้าของบริษัทบุหรี่

ที่มา--เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 4 ส.ค. 2556 (กรอบบ่าย)--