ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

มติบอร์ดสปสช.เห็นชอบยุทธศาสตร์การดูแลผู้สูงอายุระยะยาว แจงสัดส่วนประชากรสูงอายุมากขึ้น ต้องมีการจัดระบบการดูแลที่เหมาะสม ตั้งเป้าผู้สูงอายุได้รับการดูแลในชุมชน สถานพยาบาลมีระบบรองรับ  ท้องถิ่นมีหน้าที่จัดระบบในชุมชน ภาครัฐสนับสนุน เตรียมเดินหน้าปี 57 ทั้งจัดชุดสิทธิประโยชน์ พัฒนาบุคลากร และงบประมาณ คาดใช้งบพัฒนาระบบบริการ 2,109 ล้านบาท และพัฒนาระบบตามยุทธศาสตร์ 2,701 ล้านบาท เตรียมเสนอครม.ให้ความเห็นชอบต่อไป

เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2556 ณ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ถ.แจ้งวัฒนะ นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ซึ่งที่ประชุมได้มีการพิจารณาเรื่อง แผนยุทธศาสตร์การดำเนินงานระบบการดูแลระยะยาวสำหรับผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง 

นพ.วิชัย โชควิวัฒน ประธานคณะอนุกรรมการพัฒนาระบบการดูแลระยะยาวสำหรับผู้สูงอายุที่อยู่ในภาวะพึ่งพิง กล่าวว่า จากสถานการณ์ของไทยที่สัดส่วนของผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้น จากร้อยละ 12.2 ในปี 2554 อาจะเพิ่มเป็นร้อยละ 18 และ 24 ของประชากรรวมในอีก 10 ปีและ 20 ปีข้างหน้า ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจในระดับมหภาค ทั้งระดับรายได้ต่อหัวที่จะลดลง การออมลดลงจากภาระการดูแลผู้สูงอายุ ตลอดจนการลงทุนของภาครัฐเพื่อจัดบริการด้านสังคมให้กับผู้สูงอายุมากขึ้น ดังนั้นคณะอนุกรรมการฯได้จัดทำยุทธศาสตร์ระบบการดูแลระยะยาวสำหรับผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง มีเป้าประสงค์ คือ บุคคล ครอบครัวและชุมชน ได้รับการสนับสนุนให้มีขีดความสามารถในการดูแลผู้สูงอายุ ให้สามารถดำรงชีวิตได้อย่างมีศักดิ์ศรีในครอบครัวและชุมชน โดยเชื่อมโยงกับระบบบริการสุขภาพและบริการทางสังคม อย่างมีประสิทธิภาพ

“เป้าหมาย ผู้สูงอายุทุกคน ได้รับการคัดกรอง และมีระบบส่งเสริม ป้องกัน ฟื้นฟูและการดูแลระยะยาวในชุมชน มีระบบการเงินการคลังที่ยั่งยืนในการดูแลครบวงจร ทุกชุมชนมีระบบสนับสนุนการดูแลผู้สูงอายุ ให้อยู่ในครอบครัวได้อย่างมีความสุข เช่น สถานพยาบาลทุกแห่งมีระบบสนับสนุนการดูแลผู้สูงอายุในชุมชนและครอบครัว ท้องถิ่นมีหน้าที่จัดระบบการดูแลผู้สูงอายุ ตลอดจนมีระบบข้อมูล ภาครัฐมีนโยบายสนับสนุนการดำเนินงานของท้องถิ่น มีกองทุนในระดับท้องถิ่นเพื่อการดูแลผู้สูงอายุ โดยบูรณาการแหล่งเงินต่างๆที่ลงไปในชุมชน”

นพ.วิชัย กล่าวต่อว่า ยุทธศาสตร์ที่ต้องดำเนินการคือ การคัดกรองผู้สูงอายุ และพัฒนาฐานข้อมูลผู้สูงอายุในชุมชน การพัฒนาระบบบริการดูแลระยะยาวในชุมชนเพื่อการส่งเสริมป้องกัน การพัฒนาระบบการเงินการคลัง และ ชุดสิทธิประโยชน์ การพัฒนากำลังคนเพื่อการจัดบริการดูแลระยะยาวในชุมชน การสร้าง การจัดการความรู้ และการติดตามประเมินผล การพัฒนากฎหมาย/ระเบียบ/ มาตรฐาน และการบริหารจัดการ งบประมาณที่คาดว่าจะต้องใช้ เริ่มจากในปี 2557 งบพัฒนาระบบตามยุทธศาสตร์ 2,701 ล้านบาท และงบบริการดูแลระยะยาว 2,109 ล้านบาท

นพ.ประดิษฐ กล่าวว่า มติคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเห็นชอบยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบการดูแลระยะยาวสำหรับผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงและได้มอบสปสช.และอปท. ดำเนินการโดยใช้งบค่าบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคในกลุ่มผู้สูงอายุและงบกองทุนท้องถิ่น ในการตรวจคัดกรองและทำทะเบียนเพื่อจัดกลุ่มผู้สูงอายุตามระดับการพึ่งพิง ตลอดจนจัดบริการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันภาวะทุพลภาพ ขณะเดียวกันเตรียมเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา จัดสรรงบเพิ่มเติมเพื่อพัฒนาระบบบริการตามแผนยุทธศาสตร์ จัดให้มีแหล่งการคลังสำหรับจัดบริการดูแลระยะยาวที่ยั่งยืน และมอบหมายหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องร่วมดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์