ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2556 ชมรมแพทย์ชนบท โดย นายแพทย์วชิระ บถพิบูลย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลชุมพวง จังหวัดนครราชสีมาและกรรมการชมรมแพทย์ชนบท ได้ออกแถลงการณ์ชมรมแพทย์ชนบท เรื่อง ขอให้สังคมจับตามองการแต่งตั้งโยกย้ายผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงสาธารณสุข ที่จะทำให้ธงคุณธรรมในกระทรวงสาธารณสุขหักสะบั้นลง

การโยกย้ายระดับ 10 ที่ผ่านมานั้น ได้สะท้อนภาพการบริหารกระทรวงสาธารณสุขในยุคของรัฐมนตรี นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ และปลัดกระทรวง นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ได้เป็นอย่างดี ว่าแต่งตั้งบุคคลที่เป็นพวกเป็นพ้องเข้าสู่ตำแหน่งโดยไม่ได้สนใจที่ความสามารถ มุ่งสถาปนาอำนาจการบริหารไว้ที่เฉพาะกลุ่ม เลือกกลุ่มคนที่มีความคิดสุดขั้วเข้าเป็นทีมบริหาร โดยเป็นการแต่งตั้งผ่าน ครม.แบบสายฟ้าแลบ เพื่อไม่ใช้มีการตั้งตัวร้องยี้ตั้งแต่เห็นโผ

และอีกไม่กี่วันจะมีการจัดทัพครั้งใหญ่ที่สุดของกระทรวงสาธารณสุขในประวัติศาสตร์ตั้งแต่ตั้งกระทรวงสาธารณสุขมา โดยจะมีการแต่งตั้งผู้ตรวจราชการ รองอธิบดี นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด และผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป หลายสิบตำแหน่ง โดยมีแนวคิดสำคัญคือการจัดทัพแบบเล่นพวก ใครเป็นพวกไม่กระด้างกระเดื่อง เชื่อฟังไม่ตั้งคำถามจะได้ดี ใครเฉยๆไม่เชื่อฟัง ถามมากหรือสั่งไม่ได้ก็อาจถูกโยกย้ายไปไกลๆ ซึ่งเป็นการจัดทัพและคิดจะยึดกระทรวงสาธารณสุขหวังกินยาวๆ ทำลายความเข้มแข็งของกลุ่มประชาสังคมในกระทรวง เพราะกระทรวงสาธารณสุขนี้เป็นหนึ่งในกระทรวงที่กระด้างกระเดื่องกว่าใคร 

อีกทั้งจากการวิเคราะห์การโยกย้ายที่ผ่านมา เชื่อได้ว่า “เชียงใหม่คอนเนคชั่น”นั้นมีจริง นำโดยปลัดณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ดึงพวกพ้องที่จบจากคณะแพทย์เชียงใหม่มาเป็นพวกแล้วแต่งตั้งให้ได้ดิบได้ดี ซึ่งในกระทรวงสาธารณสุขไม่เคยมีการแบ่งสีแบ่งค่ายเช่นนี้มาก่อน

การแต่งตั้งโยกย้ายในวันนี้ไม่มีระบบคุณธรรมในการคัดเลือกเข้าสู่ตำแหน่งอีกต่อไป เลือกแต่พวกที่ประจบสอพลอ พร้อมทำตามแบบไร้หลักการและจิตสำนุึก พร้อมรับใช้นายแต่สามารถละเลยต่อผลประโยชน์ของส่วนรวมได้ ขณะนี้ผู้บริหารได้เริ่มวิ่งกันฝุ่นตลบแล้ว เสนอนโยบายที่เอื้อต่อนายทุนแล้วจะได้ดี แต่หากเสนอนโยบายดูแลคนชนบทก็เอาไว้ในลำดับหลังๆ

ชมรมแพทย์ชนบท จึงขอให้สังคมได้จับตามมอง ประชาคมสาธารณสุขได้เฝ้าติดตาม และหากสิ่งที่สะท้อนออกมาในแถลงการณ์นี้เป็นจริง การโยกย้ายครั้งนี้ก็จะเป็นครั้งที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์กระทรวงสาธารณสุข เพราะได้ทำให้ธงคุณธรรมในกระทรวงหักสะบั้นลงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2556 ชมรมแพทย์ชนบท โดย นายแพทย์วชิระ บถพิบูลย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลชุมพวง จังหวัดนครราชสีมาและกรรมการชมรมแพทย์ชนบท ได้ออกแถลงการณ์ชมรมแพทย์ชนบท เรื่อง ขอให้สังคมจับตามองการแต่งตั้งโยกย้ายผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงสาธารณสุข ที่จะทำให้ธงคุณธรรมในกระทรวงสาธารณสุขหักสะบั้นลง

การโยกย้ายระดับ 10 ที่ผ่านมานั้น ได้สะท้อนภาพการบริหารกระทรวงสาธารณสุขในยุคของรัฐมนตรี นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ และปลัดกระทรวง นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ได้เป็นอย่างดี ว่าแต่งตั้งบุคคลที่เป็นพวกเป็นพ้องเข้าสู่ตำแหน่งโดยไม่ได้สนใจที่ความสามารถ มุ่งสถาปนาอำนาจการบริหารไว้ที่เฉพาะกลุ่ม เลือกกลุ่มคนที่มีความคิดสุดขั้วเข้าเป็นทีมบริหาร โดยเป็นการแต่งตั้งผ่าน ครม.แบบสายฟ้าแลบ เพื่อไม่ใช้มีการตั้งตัวร้องยี้ตั้งแต่เห็นโผ

และอีกไม่กี่วันจะมีการจัดทัพครั้งใหญ่ที่สุดของกระทรวงสาธารณสุขในประวัติศาสตร์ตั้งแต่ตั้งกระทรวงสาธารณสุขมา โดยจะมีการแต่งตั้งผู้ตรวจราชการ รองอธิบดี นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด และผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป หลายสิบตำแหน่ง โดยมีแนวคิดสำคัญคือการจัดทัพแบบเล่นพวก ใครเป็นพวกไม่กระด้างกระเดื่อง เชื่อฟังไม่ตั้งคำถามจะได้ดี ใครเฉยๆไม่เชื่อฟัง ถามมากหรือสั่งไม่ได้ก็อาจถูกโยกย้ายไปไกลๆ ซึ่งเป็นการจัดทัพและคิดจะยึดกระทรวงสาธารณสุขหวังกินยาวๆ ทำลายความเข้มแข็งของกลุ่มประชาสังคมในกระทรวง เพราะกระทรวงสาธารณสุขนี้เป็นหนึ่งในกระทรวงที่กระด้างกระเดื่องกว่าใคร 

อีกทั้งจากการวิเคราะห์การโยกย้ายที่ผ่านมา เชื่อได้ว่า “เชียงใหม่คอนเนคชั่น”นั้นมีจริง นำโดยปลัดณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ดึงพวกพ้องที่จบจากคณะแพทย์เชียงใหม่มาเป็นพวกแล้วแต่งตั้งให้ได้ดิบได้ดี ซึ่งในกระทรวงสาธารณสุขไม่เคยมีการแบ่งสีแบ่งค่ายเช่นนี้มาก่อน

การแต่งตั้งโยกย้ายในวันนี้ไม่มีระบบคุณธรรมในการคัดเลือกเข้าสู่ตำแหน่งอีกต่อไป เลือกแต่พวกที่ประจบสอพลอ พร้อมทำตามแบบไร้หลักการและจิตสำนุึก พร้อมรับใช้นายแต่สามารถละเลยต่อผลประโยชน์ของส่วนรวมได้ ขณะนี้ผู้บริหารได้เริ่มวิ่งกันฝุ่นตลบแล้ว เสนอนโยบายที่เอื้อต่อนายทุนแล้วจะได้ดี แต่หากเสนอนโยบายดูแลคนชนบทก็เอาไว้ในลำดับหลังๆ

ชมรมแพทย์ชนบท จึงขอให้สังคมได้จับตามมอง ประชาคมสาธารณสุขได้เฝ้าติดตาม และหากสิ่งที่สะท้อนออกมาในแถลงการณ์นี้เป็นจริง การโยกย้ายครั้งนี้ก็จะเป็นครั้งที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์กระทรวงสาธารณสุข เพราะได้ทำให้ธงคุณธรรมในกระทรวงหักสะบั้นลงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน