ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

เก็งหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลช่วงครึ่งหลังน่าสอย พ่วงไฮซีซัน แถม "หัวเรือใหญ่" ทุกค่ายแห่ใส่เกียร์ เดินหน้าธุรกิจเต็มสูบ หวังช่วงชิงฐาน ผู้ป่วยใกล้เปิด  AEC ตุน  BGH เข้าพอร์ตจับตาเทกโอเวอร์ขยายฐานเพิ่มเร็วๆ นี้ หนุนผลประกอบการกระโดด ขึ้นแท่นเบอร์ 2 ในภูมิภาค นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) หรือ BLS เปิดเผยว่า ภาพการลงทุนหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลในช่วงครึ่งปีหลัง ฝ่ายวิจัยยังแนะนำลงทุน "เท่ากับตลาด" แต่กลับมีปัจจัยที่ยังน่าลงทุนช่วงไฮซีซัน-BGH ดาวเด่น โดยปัจจัยที่สนับสนุนในการเข้าลงทุน อาทิ การเข้าสู่ช่วงไฮซีซันของธุรกิจโรงพยาบาล  เป็นภาคธุรกิจที่มีความจำเป็นอย่างมาก ขณะที่การปรับขึ้นค่ารักษาพยาบาลยังไม่กระทบต่อความรู้สึกหรือจิตวิทยาในกลุ่มผู้ป่วย และทุกๆ แห่งเริ่มมีแผนขยายกิจการเชิงรุกมากขึ้น เช่น แผนการขยายอาคาร และ แผนซื้อกิจการ (เทกโอเวอร์) เพื่อรองรับการขยายตัวของฐานผู้ป่วยที่จะเติบโตหลายเท่าตัวในช่วง เปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC

ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยเลือกหุ้น BGH เป็นหุ้นเด่นในช่วงครึ่งปีหลัง เพราะมีประเด็นการเทกโอเวอร์โรงพยาบาลในประเทศ 1 แห่ง คาดว่าที่จังหวัดพิษณุโลก และ ต่างประเทศอีก 1 แห่ง คาดว่าที่ประเทศมองโกเลีย อีกทั้งในทุกๆ ปีจะยังเห็นการเดินสายเทกโอเวอร์โรงพยาบาลเพื่อขยายฐานต่อเนื่องด้วย ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้ฐานกำไรสุทธิและรายได้รวมก้าวกระโดดในอนาคต

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แนวโน้มการลงทุนในหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลในช่วงนี้น่าสนใจเข้าลงทุนอย่างมาก เพราะทุกแห่งต่างปรับตัวและเตรียมขยายกิจการเพื่อรองรับการขยายตัวของกลุ่มผู้ป่วยต่างประเทศที่จะเดินทางมารักษาในประเทศไทยมากขึ้น ในช่วง AEC

เนื่องจากโรงพยาบาลไทยมีศักยภาพด้านคุณภาพการให้บริการตามมาตรฐานสากล ขณะที่อัตราค่ารักษาพยาบาลยังถูกกว่าเมื่อเทียบกับคู่แข่งในภูมิภาคอย่างประเทศสิงคโปรราว 40%

ขึ้นแท่นเบอร์ 2 ในภูมิภาค โดยฝ่ายวิจัยได้ "เพิ่มน้ำหนัก" ลงทุนในหุ้น BGH จากเดิม "เก็งกำไร" เป็น "ซื้อ" เพราะถือเป็นโรงพยาบาลที่มีศักยภาพเติบโตสูงสุดในกลุ่ม ด้วยแผนในการขยายธุรกิจโรงพยาบาลเชิงรุกรองรับการเปิด AEC  อาทิ การเร่งแผนขยายจำนวนโรงพยาบาลเพิ่มจากเดิม 30 แห่งเป็น 50 แห่งภายในปี 2557 ซึ่งเร็วกว่าแผนเดิม 1 ปี

ดังนั้นด้วยปัจจัยพื้นฐานระยะยาวยังคงแข็งแกร่ง ฝ่ายวิจัยจะเริ่มพิจารณาปรับเพิ่มเป้ากำไรสุทธิของ BGH ตั้งแต่ปี 2558  เป็นต้นไป ภายใต้สมมติฐานการปรับแผนระยะเวลาขยายสาขาโรงพยาบาลที่เร็วขึ้น โดยคาดใช้เงินลงทุนขยายสาขาโรงพยาบาล 7 พันล้านบาท โดยส่วนหนึ่งมาจากเงินสดบริษัท และการกู้ยืม คาดว่าจะเพิ่มจำนวนเตียงให้บริการจากปัจจุบันได้ 20% จาก 5 พันเตียง เป็น 6 พันเตียง โดยมีโรงพยาบาลและจำนวนเตียงใหญ่เป็นอันดับ 4 ในภูมิภาค และคาดว่าใน 3 ปีข้างหน้าขนาด Market Cap จะเพิ่มจากอันดับ 3 เป็นอันดับ 2 ในภูมิภาค

ฟันรายได้เกินเป้า-ต้าน 145 บ.

อีกทั้งการเร่งเปิดโรงพยาบาลใหม่ส่งผลให้แนวโน้มรายได้รวมในช่วง 3 ปีข้างหน้าสูงกว่าประมาณการของฝ่ายวิจัยปี 2558 คาดจากเดิมที่ 6.8 หมื่นล้านบาท เป็น 7.5 หมื่นล้านบาท  แต่ด้วยกำไรสุทธิครึ่งปีแรก 2556 ต่ำกว่าที่คาด และโรงพยาบาลใหม่มีระยะเวลาคืนทุนเฉลี่ย 3 ปี ส่งผลให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดีฐานกำไรสุทธิจะเริ่มโดดเด่นในปี 2558 เป็นต้นไป แนะนำ "ซื้อ" 182 บาท นายสมชาย เอนกทวีผล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของราคาหุ้น  BGH ในช่วงนี้หากหุ้นยังไม่หลุดที่แนวรับ 130-128 บาท นักลงทุนยังสามารถเข้า "เก็งกำไร" ได้ ส่วนแนวต้านที่ 140-145 บาทล่าสุด BGH ปิดตลาด (22 ส.ค. 56) อยู่ที่ 133 บาท เพิ่มขึ้น 5.50 บาท หรือเพิ่มขึ้น 4.31% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 763.39 ล้านบาท

ที่มา: หนังสือพิมพ์ทันหุ้น  วันที่ 23 สิงหาคม 2556