ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

นายแพทย์ประดิษฐ  สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่านายกรัฐมนตรีและรัฐบาลมีนโยบายให้การดูแลสุขภาพประชาชนตามกลุ่มรายอายุ 4 กลุ่ม ได้แก่ 0-5 ปี อายุ 6-20 ปีอายุ 21-60 ปี และ 60 ปีขึ้นไป เช่น เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ตั้งเป้าพัฒนาให้เจริญเติบโตอย่างสมบูรณ์ มีพัฒนาการสมวัย กลุ่มอายุ 21-60 ปี เน้นการมีสุขภาพดี ส่วนอายุ 60 ปี ดูแลสุขภาพก่อนถึงวาระสุดท้ายชีวิต

โดยกระทรวงสาธารณสุข จะเน้นใช้ 3 กลยุทธ์ได้แก่ การเข้าถึงบริการ คุณภาพบริการ และการบูรณาการดูแลร่วมกับหน่วยงานอื่นปัญหาที่พบขณะนี้คือการเข้าถึงบริการ โดยเฉพาะกลุ่มเด็กและแม่พบว่าแม่ฝากครรภ์ช้า ทำให้เด็กในครรภ์ขาดโอกาสการพัฒนาสาเหตุส่วนหนึ่งเกิดมาจากความไม่เข้าใจ หรือเข้าใจการใช้สิทธิ์ไม่ถูกต้อง นายกรัฐมนตรีจึงมีนโยบายให้หญิงตั้งครรภ์สามารถฝากท้องได้ทุกที่ฟรีทุกสิทธิ์ ซึ่งขณะนี้ได้พัฒนาระบบสารสนเทศสามารถใช้เชื่อมโยงกันได้ทุกแห่ง และพัฒนาศูนย์เด็กเล็กปลอดโรค รองรับการดูแลเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ ร่วมกับกระทรวงอื่นๆ นอกจากนี้ในกลุ่มของหญิงต่างด้าวที่ตั้งครรภ์และเข้ามาทำงาน หรือติดตามสามีเข้ามา กระทรวงสาธารณสุขกำหนดให้ซื้อบัตรประกันสุขภาพราคา 2,200 บาท และค่าตรวจสุขภาพอีก 600 บาท รวม 2,800 บาท ส่วนลูกหลังคลอดจะต้องซื้อบัตรประกันสุขภาพในอัตรา 365 บาทต่อคนต่อปี

ส่วนเรื่องคุณภาพบริการขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขได้ปรับเกณฑ์มาตรฐานระบบการ ฝากครรภ์ มีการจัดทำตัวชี้วัดทั้งเชิงคุณภาพและปริมาณ สำหรับ การจัดระบบการดูแลต่างด้าว โดยเฉพาะตามแนวชายแดนกระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายพัฒนาระบบการสาธารณสุขแนวชายแดนร่วมกับองค์กรนานาชาติ และประเทศเพื่อนบ้าน มีขั้นตอนการพัฒนา3 ขั้น

ขั้นแรกคือการสร้างระบบบริการสุขภาพ และพัฒนาบุคลากร โดยรับบุคลากรสาธารณสุขจากประเทศเพื่อนบ้านเข้าทำงานในโรงพยาบาลแนวชายแดน ไทย โดยได้รับใบอนุญาตชั่วคราว และมีสิทธิ์รับการพัฒนาศักยภาพต่อในไทย ขั้นที่ 2 สนับสนุนโครงสร้างพื้นฐาน โดยสร้างหน่วยบริการปฐมภูมิในประเทศเพื่อนบ้านตลอดแนวชายแดนไทย ระบบส่งต่อในชุมชน และโรงพยาบาลระดับทุติยภูมิ หน่วยบริการปฐมภูมิรับผิดชอบดูแล ทั้งการควบคุมโรคเอชไอวี เอดส์ วัณโรค มาลาเรีย และการดูแลรักษาขั้นพื้นฐานและขั้นที่ 3 ระบุสิทธิประโยชน์หลักและพัฒนารูปแบบระบบการเงินด้านสุขภาพ เพื่อเริ่มต้นหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า โดยไทยพร้อมจัดหาผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินการคลังด้านสุขภาพร่วมทำงานกับประเทศเพื่อนบ้านและองค์กรนานาชาติเพื่อให้ได้รูปแบบหลักประกันสุขภาพที่เหมาะสม

ที่มา: http://www.naewna.com