ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

เดลินิวส์ -เมื่อวันที่ 7 ก.ย. ภญ.พิศมร กลิ่นสุวรรณ รอง ผอ.องค์การเภสัชกรรม (อภ.) กล่าวถึงกรณี อภ. สำรองวัตถุดิบโอเซลทามิเวียร์ซึ่งใช้ผลิตยาต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่ มูลค่า 500 ล้านบาท เอาไว้ตั้งแต่มีการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 โดยตอนนี้เหลือวัตถุดิบอยู่ถึง 3,469.9 กก. ว่า ได้ให้ศึกษาปริมาณที่คาดว่าจะต้องใช้แล้ว คิดว่าวัตถุ ดิบดังกล่าวคงใช้ไม่หมดแน่นอน เรื่องนี้มีการ ตั้งคณะกรรมการสอบสวนอยู่ ส่วนตัวมองว่าถ้า ใช้หมดก็เป็นโชคดีของ อภ. แต่เป็นโชคร้ายของประชาชน เพราะนั่นแสดงว่ามีการระบาดของโรค อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างต้องเป็นไปตามข้อเท็จจริง ต้องดูว่าทำไมสั่งซื้อในปริมาณมากขนาดนั้น  มีมูลเหตุอย่างไร เรื่องนี้พูดยาก พอเวลาเปลี่ยน สถาน การณ์เปลี่ยน ความคิดคนก็เปลี่ยน

ภญ.พิศมร กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาขาด แคลนยาหัวใจโคลพิโดเกรล ซึ่งเป็นยาที่ทำซีแอล แต่บริษัทยาในประเทศอินเดียไม่ยอมส่งยา 18 ล้านเม็ด ให้ตามกำหนดจน อภ. ต้องซื้อยา 3 ล้านเม็ดจากบริษัทแห่งหนึ่งในประเทศไทย ว่า ยาดังกล่าวต้องนำเข้าจากประเทศแคนาดา ก่อนขายให้กับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) บริษัทขอติดฉลากเฉพาะเนื่องจากเป็นการขายให้ในราคาพิเศษถูกกว่าที่ขายให้ รพ. ต่าง ๆ เมื่อถามถึงกรณีที่มีการมองว่าซื้อยาแพง ภญ.พิศมร กล่าวว่า ตามประกาศซีแอลระบุว่าให้หาซื้อยาอะไรก็ได้ที่ราคาถูกกว่ายาต้นแบบ แต่เริ่มต้นเราไปซื้อยานี้ราคาเม็ดละ 2 บาท ทำให้มีการมองว่าซื้อแพงกว่านี้ไม่ได้  แต่โดยส่วนตัวเห็นว่า สิ่งสำคัญคือ ต้องมียาให้คนในระบบใช้ในราคาที่ต่ำกว่ายาต้นแบบ ซึ่งยาหัวใจที่ซื้อ 3 ล้านเม็ด ราคาถูกกว่ายาต้นแบบถึง 10 เท่า

--เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 9 ก.ย. 2556 (กรอบบ่าย)--