ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

มติชน - กระทรวงสาธารณสุขไทย ร่วมประชุมรัฐมนตรี ด้านสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออก เฉียงใต้และเอเชียตะวันออก ครั้งที่ 3 ประเทศมาเลเซีย สร้าง ความร่วมมือระดับภูมิภาคในเรื่องสุขภาพและสิ่งแวดล้อม เพื่อเป็นศูนย์กลางของการพัฒนาสุขภาพและความเป็นอยู่ของประชาชน

นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังร่วมประชุมรัฐมนตรีด้านสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมของประเทศใน ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียตะวันออก ครั้งที่ 3 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ว่า การประชุมครั้งนี้เพื่อเรียกร้องให้เกิดความร่วมมือ ที่เข้มแข็งของภูมิภาค ทั้ง 14 ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียตะวันออก ประกอบด้วย ประเทศบรูไน กัมพูชา อินโดนีเซีย ลาว มาเลเซีย พม่า ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย เวียดนาม จีน ญี่ปุ่น มองโกเลีย และเกาหลี สอดคล้องกับทิศทางระดับโลกและเหมาะสมกับบริบทของประเทศในภูมิภาคนี้ อีกทั้งร่วมกันให้ความเห็นชอบรายงานเกี่ยวกับการบริหารจัดการ ผลกระทบ ภาคีการดาเนินงานและกลไกทางการเงินที่ยั่งยืนของเวทีความร่วมมือระดับ ภูมิภาค โดยรับรองร่างฉบับปรับปรุงกฎบัตรของเวทีความร่วมมือระดับภูมิภาคด้านอนามัย และสิ่งแวดล้อมของประเทศ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียตะวันออก กรอบความร่วมมือ และรับรองร่างปฏิญญากัวลาลัมเปอร์ด้าน สิ่งแวดล้อมและสุขภาพ โดยยึดถือแนวคิดหลักตามกรอบการดาเนินงานระดับโลก ซึ่งมีวิสัยทัศน์ของเวทีความร่วมมือระดับภูมิภาคคือสุขภาพและสิ่งแวดล้อม เป็นศูนย์กลางของการพัฒนาสุขภาพและความเป็นอยู่ของประชาชน

ความร่วมมือในระดับภูมิภาคนี้นับเป็นความร่วมมือ ที่สาคัญสาหรับ 14 ประเทศสมาชิกรวมทั้งประเทศไทย ที่จะช่วยผลักดันการทางานด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อมทั้งในระดับภูมิภาคและ สนับสนุนการทางานในแต่ละประเทศ เพื่อให้เกิดความมั่นคงด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ อันมีผลต่อการพัฒนาทางเศรษฐกิจและทาให้คนกินดีอยู่ดี โดยประเทศไทย ได้มีการทางานร่วมกันระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและกระทรวงสาธารณสุขอย่างต่อเนื่อง ด้วยการร่วมกันจัดทาแผนยุทธศาสตร์อนามัยสิ่งแวดล้อมแล้ว 2 ฉบับ โดยแผนยุทธศาสตร์อนามัยสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ฉบับที่ 2 พ.ศ.2555-2559 ได้รับ ความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2555 และประกาศให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนาแผนไปปฏิบัติ ซึ่งผลสาเร็จของการดาเนินงาน อาทิ การพัฒนาส้วมสาธารณะ ให้สะอาด ปลอดภัย เข้าถึงได้การพัฒนาโรงพยาบาลให้สะอาดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โครงการเมืองไทยเมืองสะอาด และการคุ้มครองสิทธิของประชาชนจากมลพิษสิ่งแวดล้อม

"ทั้งนี้ ผลจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ ภาวะฉุกเฉินทางอนามัยสิ่งแวดล้อม รวมทั้งปัญหาพื้นฐาน ได้แก่ ปัญหาด้านน้าสะอาด สุขาภิบาล ขยะมูลฝอย ยังคงเป็นปัญหาสาคัญของประเทศและภูมิภาค ซึ่งแนวโน้มของปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นผลจากความซับซ้อนของปัญหา ผลกระทบต่อประชาชนและสังคมที่มีความอ่อนไหว ทุกภูมิภาคจึงต้องให้ความสาคัญและทางานในมิติใหม่ เพื่อทาให้เกิดการทางานร่วมกัน ความรู้สึกเป็นเจ้าของและความร่วมมือ ทั้งภายในประเทศและระดับภูมิภาคที่ทา ให้เกิดการพัฒนา ด้านสิ่งแวดล้อมและสาธารณสุขอย่างยั่งยืน" รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าว

ทางด้าน ดร.นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดี กรมอนามัย กล่าวว่า การประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขและ สิ่งแวดล้อมของประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออก เฉียงใต้และเอเชียตะวันออกได้จัดครั้งที่ 1 ขึ้นเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2550 ณ กรุงเทพมหานคร ในครั้งนั้นมีการรับรองกฎบัตรความร่วมมือด้านอนามัยและสิ่งแวดล้อมฯ และประกาศปฏิญญากรุงเทพ ด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ และรับรองแผนการดาเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของภูมิภาค รวมถึงมีการจัดตั้งคณะทางานวิชาการระดับภูมิภาคใน 6 สาขา คือ 1) คุณภาพอากาศ 2) น้าสะอาด สุขอนามัย และการสุขาภิบาล 3) ขยะมูลฝอย และของเสียอันตราย 4) สารเคมีเป็นพิษและสารอันตราย 5) การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การลดลงของชั้นโอโซน และการเปลี่ยนแปลงระบบนิเวศน์ และ 6) การวางแผน การเตรียมการ และการปฏิบัติการรองรับภาวะฉุกเฉินด้านอนามัยสิ่งแวดล้อม และครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2553 ณ เมืองเจจู สาธารณรัฐเกาหลี ได้มีการรับรองปฏิญญาเจจู ด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ และเห็นชอบต่อแผนงานของคณะทางานของคณะทางานวิชาการระดับภูมิภาค

"สำหรับกำรประชุมครั้งที่ 3 นี้ ร่ำงปฏิญญำกัวลำลัมเปอร์ด้ำนสิ่งแวดล้อมและสุขภำพประกอบด้วยประเด็นสำคัญๆ อำทิ เห็นด้วยที่จะร่วมพัฒนำและปฏิบัติตำมกลไกต่ำง ๆ ที่เพิ่มประสิทธิภำพกำรเปลี่ยนข้อมูลระหว่ำงหน่วยงำนด้ำนสุขภำพและสิ่งแวด ล้อม เห็นชอบกับกำรจัดตั้งเครือข่ำยควำมรู้ของเวทีควำมร่วมมือระดับภูมิภำค ตกลงใจร่วมกันที่จะเสริมสร้ำงควำมเข้มแข็งควำมร่วมมือ โดยกำรพัฒนำควำมร่วมมือต่ำงๆ ทั้งใน รูปแบบพหุภำคี ทวิภำคี ภำยในภูมิภำคและนำนำประเทศ เป็นต้น"

ที่มา--มติชน ฉบับวันที่ 19 ก.ย. 2556 (กรอบบ่าย)--