ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

"ไทย-อียู" เดินหน้าเจรจาเอฟทีเอ รอบ 2 “โอฬาร” เผย จะนำทุกประเด็นหารือผู้มีส่วนได้เสียต่อไป ส่วนเรื่องยายันจะคำนึงถึงสุขภาพของคนไทยก่อน และจะยึดหลักการทริปส์ ที่ไทยผูกพันไว้ในดับบลิวทีโอ

เมื่อวันที่ 18 ก.ย. นายโอฬาร ไชยประวัติ ประธานผู้แทนการค้าไทย ในฐานะหัวหน้าคณะเจรจาความตกลงการค้าเสรี เอฟทีเอ ไทย-สหภาพยุโรป (อียู) เปิดเผยถึงผลการประชุมเจรจาเอฟทีเอไทย-อียู ครั้งที่ 2 ร่วมกับ Mr.Joao Aguiar Machado รองปลัดกระทรวงการค้า คณะกรรมาธิการการค้ายุโรป ที่เชียงใหม่ เมื่อเร็วๆ นี้ ว่า ได้หารือกันในหลายเรื่อง เช่น การเปิดตลาดสินค้าและการค้าบริการ การลงทุน มาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช อุปสรรคทางเทคนิคทางการค้า กฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดของสินค้า พิธีการทางศุลกากร และการอำนวยความสะดวกทางการค้า ทรัพย์สินทางปัญญา การจัดซื้อจัดจ้างโดยรัฐ มาตรการเยียวยาทางการค้า และการค้า และการพัฒนาอย่างยั่งยืน

 “หลังจากประชุมที่เชียงใหม่เสร็จแล้ว คณะเจรจาจะหารือกับภาคเอกชน ประชาชน วิชาการ รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและอัพเดทท่าทีในการเจรจา โดยจะดูความเชื่อมโยงของแต่ละเรื่องที่เจรจาด้วย เช่น การคุ้มครองแรงงานและสิ่งแวดล้อม จะมีผลต่อเรื่องการลดภาษีสินค้าอย่างไรบ้าง หรือหากอียูยอมลดภาษีสินค้าผัก-ผลไม้ให้ไทยแล้วอียูจะต้องไม่ใช้มาตรการสุขอนามัยพืชและสัตว์ (เอสพีเอส) มากีดกันการนำเข้า เพื่อให้ไทยได้ประโยชน์สูงสุดจากการเจรจาในภาพรวม” นายโอฬาร กล่าว

สำหรับประเด็นทรัพย์สินทางปัญญา เรื่องการเข้าถึงยาและเวชภัณฑ์ที่ภาคประชาสังคมกังวลนั้น ไทยได้ย้ำกับอียูว่า รัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพของประชาชนเป็นหลัก แนวทางการเจรจาของไทย ก็จะยึดหลักการของความตกลง ว่าด้วยสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา ที่เกี่ยวกับการค้า (ทริปส์) ภายใต้องค์การการค้าโลก (ดับบลิวทีโอ) และจะยึดถือความยืดหยุ่นตามปฏิญญารัฐมนตรีโดฮา ในส่วนที่เกี่ยวกับทริปส์และการสาธารณสุข ซึ่งอียูตระหนักถึงข้อกังวลของฝ่ายไทย และยืนยันว่าอียูมีความยืดหยุ่นในเรื่องนี้ และเห็นประโยชน์ต่อประชาชนของทั้งสองฝ่าย ส่วนการเจรจาครั้งที่ 3 จะมีขึ้นในเดือน ธ.ค. 56 ณ กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม

ที่มา: http://www.thairath.co.th