ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

คนไทยเตี้ยสุดๆ ความสูงเฉลี่ยคนไทยผู้ชายแค่ 167.1 ซม. ผู้หญิง 157.4 ซม. เหตุดื่มนมน้อยเฉลี่ยคนละ 14 ลิตรต่อปี น้อยกว่าประเทศอื่นในอาเซียนและทั่วโลก 4-7 เท่า สธ.ตั้งเป้ารณรงค์ทุกเพศทุกวัยซดนม โดยเฉพาะเด็กรุ่นใหม่ หวังเติบโตสมวัย สมาร์ท ผู้ชายสูงเพิ่มอีก 8 ซม. ผู้หญิงสูงเพิ่มอีก 5 ซม.

นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) กำหนดให้วันพุธสุดท้ายของเดือนกันยายนของทุกปี เป็นวันดื่มนมโรงเรียนโลก ซึ่งปีนี้ตรงกับวันที่ 25 ก.ย. เพื่อกระตุ้นให้เด็กและเยาวชนทั่วโลกให้ความสำคัญกับการดื่มนมมากขึ้น สำหรับประเทศไทย จากผลสำรวจล่าสุดพบว่า คนไทยดื่มนมน้อยมาก เฉลี่ยคนละประมาณ 14 ลิตรต่อปี ในขณะที่อัตราการดื่มนมในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เฉลี่ยคนละ 60 ลิตรต่อปี และทั่วโลกเฉลี่ย คนละ 103.9 ลิตรต่อปี หรือกล่าวได้ว่า อัตราดื่มนมคนไทยยังต่ำกว่าประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโลก 4 - 7 เท่า ส่งผลให้เด็กไทยเมื่อมีอายุ 18 ปี มีความสูงเฉลี่ยค่อนข้างเตี้ย โดยผู้ชายสูงเฉลี่ย 167.1 เซนติเมตร ผู้หญิงสูงเฉลี่ย 157.4 เซนติเมตร

นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า กรมอนามัยได้ส่งเสริมให้ดื่มนมทุกเพศทุกวัย เริ่มตั้งแต่ให้เด็กหลังคลอดกินนมแม่อย่างเดียวตลอด 6 เดือน เนื่องจากนมแม่เป็นนมที่มีคุณภาพช่วยให้เด็กมีพัฒนาการที่ดี ร่างกายเจริญเติบโตแข็งแรงสมวัย สติปัญญาดี หลังจากนั้นแนะนำให้ดื่มนมเหมาะสมตามวัย ได้แก่ วัยเด็กที่ยังต้องการสารอาหารเพื่อการเจริญเติบโต โดยเด็กก่อนวัยเรียนให้ดื่มนมชนิดธรรมดาวันละ 2-3 แก้ว วัยเรียนดื่มวันละ 2 แก้ว วัยผู้ใหญ่และผู้สูงอายุเป็นวัยที่ต้องการสารอาหารเพิ่มซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ แนะนำให้ดื่มนมพร่องมันเนยหรือนมขาดมันเนย วันละ 1 แก้ว เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะไขมันเกิน สำหรับหญิงตั้งครรภ์ หรือหญิงให้นมบุตร ควรดื่มนมวันละ 2-3 แก้ว โดยมีเป้าหมายให้เด็กไทยวัย 18 ปี เติบโต สมวัย มีหุ่นสูง สมาร์ท โดยให้ผู้ชายสูงเฉลี่ย 175 เซนติเมตร ผู้หญิงสูงเฉลี่ย 162 เซนติเมตร และคนไทยอายุยืนเฉลี่ย 80 ปี ภายในอีก 10 ปีข้างหน้า หรือในปี 2566 

นพ.พรเทพ กล่าวต่อว่า นอกจากนมจะมีโปรตีนที่มีคุณภาพและแคลเซียมที่ดีซึ่งทำหน้าที่สร้างการเจริญเติบโตของร่างกายในเด็ก และซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอในผู้ใหญ่แล้ว นมยังเป็นแหล่งของสารอาหารประเภทวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ ได้แก่ วิตามินเอ ดี บี 1 บี 2 บี 6 บี 12 ฟอสฟอรัส สำหรับนมที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์เป็นการดำเนินงานของ สธ.โดยกรมอนามัยร่วมกันหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการผ่านโครงการอาหารเสริมหรือนมโรงเรียนเพื่อช่วยเพิ่มความต้านทานต่อกรดให้ผิวเคลือบฟัน ซึ่งหากได้รับฟลูออไรด์ที่พอเหมาะจะทำให้มีโอกาสฟันผุน้อยลง รวมทั้งยังช่วยชะลอการย่อยสลายของแร่ธาตุและเสริมกระบวนการคืนกลับของแร่ธาตุบนผิวเคลือบฟัน

“ทั้งนี้ การดื่มนมเป็นประจำทุกวันเพื่อให้มีสุขภาพดีและเด็กเติบโตสูงใหญ่เต็มตามศักยภาพแล้ว ควรกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ ในปริมาณที่เพียงพอโดยเฉพาะผักและผลไม้ควบคู่ไปด้วย เพื่อที่จะได้รับสารอาหารได้ครบถ้วนตามความต้องการของร่างกาย รวมทั้งการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว