ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

กรุงเทพธุรกิจ - พนักงานสาธารณสุขส่อวุ่นหลังกระทรวงออกประกาศสั่งชะลอบรรจุ "แพทย์ชนบท" ระบุเคยค้านเพราะเป็นการรวบอำนาจ และ รพ.ไม่ได้รับคนเพิ่มหลัง กระทรวงมีหนังสือสั่งระงับการจ้างลูกจ้างชั่วคราวใหม่ระหว่างรอเคาะเพื่อบรรจุ

ความคืบหน้าในการบรรจุตำแหน่งลูกจ้างชั่วคราวกระทรวงสาธารณสุขเป็นพนักงานกระทรวงสาธารณสุข หรือ พกส. นายโอสถ สุวรรณเศวต รองประธานสมาพันธ์สมาคมลูกจ้างของรัฐแห่งประเทศไทย (สสสท.) บอกว่า พวกเราคิดว่ากำลังถูกหักหลัง เนื่องจากเคยตกลงไว้ในการปรับเพิ่มค่าตอบแทนหลังปรับเป็น พกส. จะต้องมีการเพิ่มร้อยละ 10 ของค่าตอบแทนที่ได้รับ

แต่ปรากฏว่ากลับได้รับเงินเพิ่มเพียงคนละ 100-200 บาทเท่านั้นถือเป็นการปรับเพิ่มที่น้อยมาก โดยกระทรวงสาธารณสุขอ้างว่าเป็นการปรับเพิ่มร้อยละ 10 ของยอดค่าใช้จ่ายทั้งหมดและนำมาเฉลี่ยซึ่งมันไม่ใช่ และเทียบไม่ได้กับอัตราเงินเฟ้อและค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้น และที่แย่กว่านั้นบางคนยังถูกปรับลดลงด้วย โดยเฉพาะคนที่ทำงานในโรงพยาบาลมานาน อ้างว่าต้องปรับอัตราให้เป็นไปตามวุฒิแม้ว่าจะได้บวกเพิ่มค่าประสบการณ์แล้วก็ตาม ถือว่าไม่เป็นธรรมอย่างมาก ซ้ำบางคนยังถูกยกเลิกค่าประสบการณ์อีก

นายโอสถ กล่าวว่า ล่าสุดเมื่อวันที่ 23 กันยายน ที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุขยังได้ออกประกาศด่วนที่สุดไปยังหน่วยงานภายใต้สังกัดกระทรวงสาธารณสุขทั้งหมด ขอให้ชะลอการทำสัญญาจ้าง พกส. ออกไปก่อน และให้รีบทำกรอบอัตรากำลังคนในภาพรวม และนำเสนอต่อคณะกรรมการบริหาร พกส.เพื่ออนุมัติ โดยในการว่าจ้างต้องไม่เกินกรอบอัตราที่กำหนด จากประกาศฉบับนี้ทำให้พวกเราเกิดความวิตกกังวลว่าอนาคตชีวิตเราจะเป็นอย่างไร จะมีการจ้างเป็น พกส.กี่เปอร์เซ็นต์ และใครจะไม่ได้รับบรรจุ และจะให้ถูกออกกี่เปอร์เซ็นต์ มีการใช้มาตรฐานอะไรในการพิจารณา

ส่วนที่มีการระบุว่า โรงพยาบาลมีการจ้างลูกจ้างชั่วคราวเพิ่มจาก 1.2 แสนคน เป็น 1.4 แสนคน ส่งผลกระทบต่องบประมาณที่อนุมัติจาก ครม.นั้น นายโอสถ กล่าวว่า เมื่อต้นปีที่ผ่านมากระทรวงสาธารณสุขได้ออกประกาศไปยังหน่วยงานในสังกัดไม่ให้จ้างคนเพิ่ม เว้นกรณีที่มีบุคลากรลาออกจึงรับทดแทนได้ ดังนั้นกระทรวงสาธารณสุขควรใช้ประกาศดังกล่าวเป็นเกณฑ์พิจารณ์ โดยลูกจ้างชั่วคราวที่รับเข้าทำงานหลังประกาศฉบับนี้ ควรยังไม่ได้รับการบรรจุเป็น พกส. แต่ต้องให้สิทธิ์คนที่เข้าทำงานก่อนหน้านี้ ไม่ใช่นำมาเหมารวมกับลูกจ้างชั่วคราวทั้งหมดและปรับลดเงินแทน ถือว่าไม่ถูกต้อง

ที่ผ่านมาได้สะท้อนปัญหาไปยังกระทรวงสาธารณสุขแล้ว แต่ไม่รับฟัง อย่างไรก็ตามเห็นว่า ความไม่เป็นธรรมที่เกิดขึ้นนี้ ไม่นานกระทรวงสาธารณสุขคงเกิดวิกฤตขึ้น ซึ่งขณะนี้ได้มีการพูดคุยถึงปัญหาที่เกิดขึ้นกับ 4 ประสาน ทั้งแพทย์ พยาบาล ลูกจ้างประจำ และลูกจ้างชั่วคราว

ด้าน นพ.อารักษ์ วงศ์วรชาติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสิชล ที่ปรึกษาชมรมแพทย์ชนบท กล่าวว่า เรื่อง พกส.ที่ผ่านมาได้เตือนแล้วว่าอย่าทำ เพราะเป็นการรวบอำนาจบริหารไว้ที่ส่วนกลาง แทนกระจายอำนาจ เนื่องจากการจัดทำหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเดือนและค่าตอบแทนลูกจ้างชั่วคราว

โดยส่วนกลาง จะกลายเป็นการตัดเสื้อโหลทั้งที่บริบทพื้นที่มีความแตกต่างกัน เช่น ลูกจ้างชั่วคราวที่ทำงานในเมืองกับพื้นที่ชายขอบจะใช้หลักเกณฑ์การจ้างเดียวกันไม่ได้ แต่กระทรวงสาธารณสุขกลับบอกให้ทุกพื้นที่ต้องเท่ากันหมด ซ้ำต่อไปในโรงพยาบาลหากใครต้องจ้างคนเพิ่ม ยังต้องส่งเรื่องไปยังส่วนกลางเพื่ออนุมัติซึ่งไม่ถูกต้อง และที่มากไปกว่านั้น เดิมกระทรวงสาธารณสุขคิดว่าการทำเรื่องนี้จะทำให้ประหยัดงบประมาณลง แต่พอทำเข้าจริงงบประมาณที่ต้องใช้กลับสูงเป็นหมื่นล้านบาท ยังไม่รวมกรณีที่ต้องจ่ายค่าตอบแทนภาระงานอีกแปดพันล้านบาท นอกจากนี้ยังทราบว่าตอนนี้ สธ.กำลังจะมีการเกลี่ยงบประมาณในส่วนเงินเดือนใหม่อีก ซึ่งไม่ทราบว่าจะเกิดปัญหาอะไรอีก"

ส่วนกรณีที่ รมว.สาธารณสุขระบุว่า เหตุงบประมาณที่เพิ่มขึ้น สาเหตุมาจากการว่าจ้างลูกจ้างชั่วคราวเพิ่มของโรงพยาบาลในช่วงที่ผ่านมานั้น นพ.อารักษ์ กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกับการรับคนเพิ่มเลย อย่ามาโยนบาปให้โรงพยาบาล สาเหตุมาจากไม่รู้ว่าใครไปบอกว่า การทำ พกสธ.ไม่เป็นภาระงบประมาณ แต่เมื่อนำตัวเลขมาดูใหม่ ปรากฏว่าต้องใช้งบเป็นหมื่นล้าน เรียกว่าเป็นการทำแบบคิดไม่รอบคอบ ทั้งนี้การบอกว่าโรงพยาบาลมีการจ้างลูกจ้างชั่วคราวเพิ่มอีกสองหมื่นคนก็ไม่ใช่ เพราะในช่วงระหว่างการทำ พกส. ทางกระทรวงสาธารณสุขได้มีหนังสือคำสั่งไปยังโรงพยาบาลในสังกัดทั่วประเทศ ไม่ให้จ้างคนเพิ่ม และเรื่องนี้โรงพยาบาลที่ได้รับผลกระทบโดยตรงก็คือโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป เนื่องจากมีบุคลากรมาก

นพ.วชิระ เพ็งจันทร์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงการออกประกาศชะลอการบรรจุลูกจ้างชั่วคราวเป็นพนักงานกระทรวงสาธารณสุข (พกส.) ว่า ด้วยความปรารถนาให้ลูกจ้างชั่วคราวมีสถานะเป็นเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขที่มั่นคง มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี มีคุณค่ามากขึ้น จึงได้ออกระเบียบบรรจุเป็น พกส. และได้คาดการณ์ว่า จากจำนวนลูกจ้างทั้งหมด 1.4 แสนคน การปรับอัตราค่าจ้างจะเพิ่มขึ้นจากเดิมไม่เกิน 2,000 ล้านบาท จึงได้ประกาศสอบคัดเลือกลูกจ้างเพื่อประเมินคุณสมบัติเป็น พกส. โดยมีผู้สอบผ่าน 98% ไม่ผ่าน 2% จากนั้นจึงได้ให้หน่วยบริการต่างๆ ทำบัญชีอัตราเงินเดือนมาให้ทางสำนักงานปลัดดู ปรากฏว่าแทนที่อัตราค่าจ้างจะเพิ่มไม่เกิน 2,000 ล้านบาทตามที่ประเมินไว้ แต่กลับเพิ่มสูงถึง 5,800 ล้านบาท ถือว่าบานปลายมาก จึงได้ออกประกาศชะลอการบรรจุ พกส. ไว้ก่อน

การแก้ปัญหากระทรวงสาธารณสุขจึงได้ออก 3 มาตรการคือ 1.ตั้งงบประมาณไว้ที่วงเงิน 1.6 หมื่นล้าน หรือเพิ่มขึ้นไม่เกิน 10% ของงบประมาณเดิม 2.จัดทำกรอบความจำเป็นของหน่วยบริการตามความเป็นจริงให้แล้วเสร็จสิ้นเดือนตุลาคมนี้ และ 3.การปรับอัตราจ้างในส่วนของลูกจ้างที่ไม่ใช้กลุ่มวิชาชีพไม่เกินเงินเดือนขั้นต่ำ 7,590 บาท ส่วนลูกจ้างวิชาชีพจะปรับเพิ่มที่ 1.2 เท่าของเงินเดือนเดิมเทียบกับข้าราชการในระดับเดียวกัน

"หลังออกประกาศชะลอการบรรจุ พกส. แล้ว มีหลายคนโทรเข้ามาสอบถาม ก็คิดว่าจะเชิญตัวแทนของแต่ละจังหวัด จังหวัดละ 4 คน มาร่วมประชุมทำความเข้าใจกัน ผ่านระบบวีดิโอคอนเฟอร์เร้นในวันที่ 30 ก.ย. และ 3 ต.ค."

สธ.เผยงบประมาณค่าจ้างบานปลาย 5.8 พันล้าน

ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ  วันที่ 26 กันยายน 2556