ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ASTVผู้จัดการรายวัน - นักวิชาการสปสช.คิดรวบค่ารักษาประกันสังคมอ้างถนัดมากกว่า ชี้ช่วย สปส.ทำงานคล่องตัวขึ้น เพราะดูแลแค่สิทธิประโยชน์อื่นๆ ภายหลังเกษียณอย่างเดียว แนะปรับระบบประกันสังคมใหม่รองรับสังคมผู้สูงอายุด้วย

วานนี้ (7 ต.ค.) ดร.คณิศ แสงสุพรรณ ประธานคณะอนุกรรมการพัฒนาระบบการเงินการคลัง ภายใต้คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) บรรยายเรื่อง"การคลังสาธารณสุขเพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุ" ในการประชุมชี้แจงการบริหารกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติปีงบประมาณ 2557 ว่า ขณะนี้ประเทศที่มีอัตราผู้สูงอายุสูงกว่าค่าเฉลี่ยของโลกคือ ญี่ปุ่น เกาหลี จีน และไทยซึ่งการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเช่นนี้ จะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของระบบหลักประกันสุขภาพ ที่น่าห่วงคือ ระบบประกันสังคม เพราะแม้แต่ประเทศญี่ปุ่นซึ่งคาดการณ์สถานการณ์ล่วงหน้าไว้หลายสิบปีก็ยังประสบปัญหา คือระบบไม่สามารถจัดหาเงินมาดูแลผู้สูงอายุหลังเกษียณได้ รัฐบาลจึงต้องกู้เงินประมาณปีละ 10% เพื่อนำมาดูแลผู้สูงอายุ ประเทศไทยก็เช่นกัน หากไม่มีการเตรียมพร้อมและทำนโยบายเพื่อแก้ปัญหา รัฐบาลอาจจะต้องใช้เงินจำนวนมากในการดูแลผู้สูงอายุ คาดว่าปี 2595 จะต้องใช้งบประมาณในส่วนของระบบประกันสังคมสูงถึง 4.3 แสนล้านบาทต่อปี และจะเพิ่มขึ้นทุกปี

"ปัจจุบันค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพของไทยอยู่ที่ 2% ของจีดีพี หากยังปล่อยให้เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ โดยที่ไม่มีการแก้ไขจะทำให้ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 2.5%-10% ของจีดีพี ส่วนกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ซึ่งปัจจุบันมีค่าใช้จ่าย 1.5 แสนล้านบาท จะต้องหางบประมาณเพิ่มขึ้นอีก 1 แสนล้านบาท จึงจะเพียงพอในการดูแลผู้สูงอายุ" ดร.คณิศ กล่าว

ดร.คณิศ กล่าวอีกว่า การแก้ปัญหาเบื้องต้นคือ 1.ต้องเพิ่มอายุเกษียณของระบบประกันสังคมจาก 55 ปี เป็น 60 ปี 2.ขยายรูปแบบการลงทุนโดยจะต้องได้ผลตอบแทนกลับคืนมาจาก 4% เพิ่มเป็น 6% ระบบจึงจะมั่นคงขึ้น และ 3.แรงงานจะต้องจ่ายเงินสมทบเพิ่มโดยทุก 5 ปี จ่ายสมทบเพิ่มขึ้น 5%อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันประกันสังคมต้องทำหน้าที่หลายด้าน ทั้งหาเงินเข้าระบบการจ่ายเงินสวัสดิการต่างๆ ภายหลังเกษียณ รวมถึงดูแลเรื่องค่ารักษาพยาบาลด้วย จึงเสนอว่าเพื่อให้การบริหารจัดการคล่องตัวขึ้น ควรให้ สปสช. เข้ามาดูแลเรื่องการรักษาพยาบาลของสิทธิประกันสังคม โดยโอนค่าหัวประกันสังคมให้ สปสช.บริหารจัดการเพราะถนัดมากกว่าประกันสังคม เมื่อถึงเวลาเกษียณกลุ่มคนประกันสังคมก็ต้องเข้ามาอยู่ในระบบหลักประกันสุขภาพฯอยู่แล้ว ส่วนสิทธิประโยชน์อื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวกับการรักษาพยาบาลก็ให้ประกันสังคมดูแลเช่นเดิม ขณะนี้หารือเรื่องดังกล่าวกับ สปส. อยู่ คาดว่าภายในปี 2557 เรื่องนี้น่าจะเห็นผล

นอกจากนี้ จะต้องปรับวิธีคิดด้วยจากเดิมจะเพิ่มการให้บริการตามจำนวนผู้สูงอายุ เช่น สถานพยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ เตียง ยาและเวชภัณฑ์เป็นต้น ซึ่งไม่มีวันเพียงพอ เพราะผู้สูงอายุจะมีการเข้าโรงพยาบาลมากกว่าเดิม เช่น จากปีละ 3 ครั้ง เพิ่มเป็น6 ครั้ง การนอนโรงพยาบาลก็ยาวนานขึ้น ทำให้เตียงไม่เพียงพอสำหรับผู้ป่วยปกติทั่วไป ทั้งที่ความจริงแล้วผู้สูงอายุไม่ได้อยากนอนพักฟื้นที่โรงพยาบาล แต่ผู้มีสิทธิ์ตัดสินใจในการนอนโรงพยาบาลคือลูก ตรงนี้ต้องปรับใหม่โดยต้องจัดระบบรองรับ 3 ระดับคือ การดูแลผู้สูงอายุจากที่บ้านโดยมีชุมชนช่วยดูแล จึงค่อยเข้าสู่สถานพยาบาลตามลำดับ ซึ่งล่าสุดนายกรัฐมนตรี เสนอให้สำรวจบ้านผู้ป่วยให้เหมาะแก่การพักฟื้นด้วย

ที่มา: หนังสือพิมพ์ASTVผู้จัดการรายวัน  วันที่ 8 ตุลาคม 2556