ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

เดลินิวส์ -เมื่อวันที่ 17 ต.ค. แหล่งข่าวระดับสูงจากองค์การเภสัชกรรม (อภ.)  เปิดเผยว่า ตามที่ นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี ประธานกรรมการองค์การเภสัชกรรม (บอร์ด อภ.) มีนโยบายแก้ปัญหาการขาดแคลนยาหัวใจโคลพิโดเกรล ที่บริษัทยาประเทศอินเดียไม่ยอมส่งยา 18 ล้านเม็ด ให้ตามกำหนด โดย อภ. ได้ซื้อยาอย่างเร่งด่วน 3 ล้านเม็ด จากบริษัทยาในประเทศไทย สามารถใช้ได้ 3 เดือนให้กับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เพื่อป้องกันปัญหายาขาดส่ง ขณะเดียวกัน อภ. ได้ส่งหนังสือทวงถามไปยังบริษัทยาอินเดีย ซึ่งได้แจ้งกลับมาว่าสามารถส่งยาโคลพิโดเกรลลอตแรก 8 ล้านเม็ด ในวันที่ 30 ก.ย. นี้ ส่วนที่เหลืออีก 10 ล้านเม็ด จะทยอยส่งมอบนั้น แต่ปรากฏว่าเมื่อวันที่ 30 ก.ย. ทาง สปสช. ต้องการสั่งซื้อยาเพิ่มอีก 3 ล้านเม็ด จากบริษัทยาในประเทศไทย โดยอ้างว่าเพื่อป้องกันยาขาดแคลน ทั้ง ๆ ที่บริษัทยาอินเดียได้ส่งยาโคลพิโดเกรลให้กับ อภ. แล้ว 18 ล้านเม็ด เมื่อวันที่ 1, 4 และ 10 ต.ค.

"ทาง อภ. ตรวจคุณภาพยาจากอินเดีย 18 ล้านเม็ด ผ่านแล้ว สามารถส่งของได้ตั้งแต่วันที่ 14 ต.ค. และได้ส่งใบเสนอราคาไปยัง สปสช. แล้ว แต่ปรากฏว่า สปสช. ต้องการที่จะซื้อยาเพิ่มอีก 3 ล้านเม็ด ซึ่งมีราคาแพงกว่า ยาจากอินเดียประมาณ 20 ล้านบาท ดังนั้นขึ้นอยู่กับ นพ.สุวัฒน์ เซียศิริวัฒนา ผอ.อภ. ว่า จะเซ็นอนุมัติสั่งซื้อหรือไม่ อย่างไรก็ตาม  สปสช. อยากให้ อภ. ส่งยาไปตรวจซ้ำที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ทั้งที่ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เคยมีหนังสือถึง อภ. เดือน พ.ย. 2555 ระบุว่า ยาซีแอลทุกตัวที่ อภ. เคยส่งตรวจนั้นผ่านมาตร ฐานมาตลอด ดังนั้นเพื่อประโยชน์ของผู้ป่วยที่จะได้รับยาเร็วขึ้น จึงขอให้ อภ. ตรวจคุณภาพด้วยตัวเอง" แหล่งข่าว ระบุ

ด้าน นพ.พิพัฒน์ กล่าวว่า ตอนนี้ยา 18 ล้านเม็ด จากประเทศอินเดียเข้ามาแล้ว ส่วนกรณีที่จะมีการซื้อยา 3 ล้านเม็ด จากบริษัทในประเทศไทยนั้น เท่าที่ทราบไม่ใช่ว่ายาจากอินเดียมาถึงแล้วจ่ายได้ทันที ต้องมีการตรวจสอบคุณภาพก่อน โดยเพิ่งตรวจผ่านเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา คนตัดสินใจ คือ สปสช. ก็เป็นห่วงว่า ถ้ายาจากอินเดียที่เข้ามาคุณภาพไม่ผ่าน อาจจะสั่งยาไม่ทัน จึงมีการสั่งยาลอตหลังเพิ่มอีก แต่ไม่รู้ว่าสั่งกี่เม็ด ต้องถาม ผอ.อภ. เพราะคนที่ตัดสินใจซื้อ คือ สปสช.แต่โดยหลักการ อภ. ไม่คิดค้ากำไรในยาตัวนี้  อย่างไรก็ตาม เพื่อป้องกันปัญหายาขาดส่ง ตอนนี้ อภ. ได้หาแหล่งสำรองเพิ่มอีก 2 แหล่ง ไม่ได้พึ่งบริษัทยาอินเดียอย่างเดียว

--เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 18 ต.ค. 2556 (กรอบบ่าย)--