ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

กลุ่ม อสม.หมออนามัย เครือข่ายงานสุขภาพประชาชน ร่วมใจโวย สบส.หลังพบจ่อยุบ “ศูนย์ฝึกอบรมและพัฒนาสุขภาพประชาชน” 14 แห่ง ยื่นข้อเสนอ 4 เรื่อง ขีดเส้นตาย 31 ต.ค.นี้ต้องให้คำตอบ ด้านรองอธิบดี สบส.ยันเข้าใจผิด ไม่ได้ยุบ แค่ปรับให้อยู่ในเขตบริการสุขภาพ 12 แห่ง ส่วนอีก 2 ที่ให้เป็นสถานที่ฝึกอบรม

วันนี้ (24 ต.ค.) กลุ่มเครือข่ายองค์กรพัฒนาสุขภาพประชาชนจากหลายภาคส่วน ประกอบด้วย อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) เครือข่ายหมออนามัย และเครือข่ายหัวหน้างานสุขภาพภาคประชาชน ประมาณ 100 คน ได้รวมตัวกันมายื่นหนังสือ เพื่อเรียกร้องไม่ให้กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) ยุบศูนย์ฝึกอบรมและพัฒนาสุขภาพประชาชนระดับภาค

นายรุ่งฤทธิ์ เรืองรุ่ง กรรมการวิชาการสมาคม อสม.ภาคเหนือ กล่าวว่า จากการประชุมของ สบส.เรื่องการพิจารณาแนวทางการปฏิบัติงานของสำนักงานสนับสนุนบริการสุขภาพเขต ที่จัดตั้งขึ้นใหม่เมื่อวันที่ 15 ต.ค.ที่ผ่านมา ได้มีการแจ้งคำสั่งแต่งตั้ง ผอ.สำนักงานสนับสนุนบริการสุขภาพทั้ง 12 เขตนั้น พบว่า งานสุขภาพประชาชนและองค์กร อสม.ไม่ได้รับความสนใจ และให้ความสำคัญเพียงพอ ทั้งที่เป็นกลุ่มที่ขับเคลื่อนงานสาธารณสุข จนนำไปสู่การพึ่งตนเองทางด้านสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ หากไม่ให้ความสนใจบุคคลและไม่กระจายผู้บริหารที่มีประสบการณ์ด้านงานสาธารณสุขมูลฐาน หรืองานดูแลสุขภาพประชาชนเบื้องต้นและองค์กร อสม.ให้ครอบคลุมเหมาะสมทุกภาค ก็จะนำไปสู่ความถดถอยของงานสาธารณสุขและสุขภาพภาคประชาชนในอนาคต

นายรุ่งฤทธิ์ กล่าวอีกว่า ทางเครือข่ายฯ ขอเรียกร้องให้กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) โดย สบส.เปิดโอกาสให้เครือข่ายภาคีสุขภาพทุกภาคส่วน ได้มีส่วนร่วมในการเสนอความคิดเห็นต่อการพัฒนาใน 4 ข้อ ได้แก่ 1.การทำงานของอสม.และชมรม อสม.ทุกระดับเป็นการทำงานแบบเครือข่ายไม่สามารถทำงานเพียงองค์กรเดียวต้องทำงานไปด้วยกัน 2.การทำงานของ อสม.แม้มีความชัดเจนของการทำงาน จนเกิดผลงานและเป็นที่ยอมรับ แต่การทำงานร่วมกันระหว่าง อสม.กับโรงพยาบาลศูนย์โรงพยาบาลทั่วไป สาธารณสุขอำเภอ โรงพยาบาลชุมชน และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ยังมีความจำเป็นอยู่ซึ่งควรที่จะพัฒนาองค์ความรู้และแนวทางการทำงานให้ชัดเจนขึ้น 3.การเปลี่ยนแปลงภายใต้นโยบายการพัฒนาระบบสุขภาพของ สธ.ที่จะเกิดขึ้นกับบทบาทของ อสม.และผลกระทบต่อการทำงานอื่นๆ ควรเปิดโอกาสให้องค์กร อสม.และภาคีเครือข่ายในการกำหนดทิศทางการพัฒนา และ 4.ควรพิจารณา ผอ.สำนักงานสนับสนุนบริการสุขภาพทั้ง 12 เขต ให้ได้ผู้ที่สามารถประสานเครือข่ายการขับเคลื่อนงานสุขภาพ ภาคประชาชนได้อย่างต่อเนื่อง และมีประสิทธิภาพ โดยห้ามยุบศูนย์ฝึกอบรมและพัฒนาสุขภาพประชาชนระดับภาค และต่อไปการทำงานจะต้องให้ทางเครือข่ายฯมีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางการดำเนินงาน ซึ่งทางเครือข่ายฯจะต้องทราบผลภายในวันที่ 31 ต.ค.นี้ หากไม่เป็นไปตาม ข้อเรียกร้องทางเครือข่ายก็จะกลับมาเรียกร้องอีกครั้ง

ด้าน นายประสาท ตราดธารทิพย์ รองอธิบดี สบส.กล่าวว่า กรณีที่ระบุว่า สบส.จะยุบศูนย์ดังกล่าวนั้นเป็นความเข้าใจผิด ไม่ได้มีการยุบศูนย์แต่อย่างใด เพียงแต่เป็นการปรับโครงสร้างให้สอดคล้องกับนโยบาย สธ.ที่ทำเป็น 12 เขตบริการสุขภาพ จึงต้องมีการปรับเปลี่ยนการบริหารงานให้สอดคล้องและไม่ให้เกิดงานซ้ำซ้อน โดยขณะนี้ทั้ง 14 ศูนย์อยู่ภายใต้การบริหารของระดับกอง ของ สบส.ซึ่งต่อไปเมื่อมีการปรับโครงสร้างใหม่ ทั้ง 12 ศูนย์จะอยู่ภายใต้กฎกระทรวงสาธารณสุขทำให้บุคลากรสามารถขยายและเติบโตได้ ส่วนศูนย์อีก 2 ศูนย์ที่เหลือคือที่ชลบุรี และยะลา จะปรับให้กลายเป็นสถานที่ฝึกอบรมแทน
       
“ข้อกังวลของ อสม.ในเรื่องการมีส่วนร่วมนั้นจะพยายามให้เจ้าหน้าที่จัดทำนโยบายที่ให้ อสม.เข้าถึงได้มากที่สุดและจะต้องมีการอบรมพัฒนาองค์ความรู้ที่เข้มข้นกว่าเดิมโดยการปรับโครงสร้างในครั้งนี้เข้าใจว่าอาจทำให้เกิดความกังวลแต่จะพยาบาลทำความเข้าใจต่อไป ส่วนโครงสร้างที่ปรับเปลี่ยนไปแล้วนั้นคงไม่สามารถแก้ไขได้ เพราะ สธ.รับรองโครงสร้างดังกล่าวแล้ว แต่การบริหารจัดการและสร้างการมีส่วนร่วมยังสามารถสร้างให้ อสม.เข้ามามีบทบาทได้ ทั้งนี้ผมจะยื่นข้อเสนอดังกล่าวให้อธิบดี สบส.ต่อไป” รองอธิบดี สบส.กล่าว

ที่มา : www.manager.co.th