ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

รมว.สธ. ยืนยันการบรรจุลูกจ้างชั่วคราว1.4 แสนกว่าคน เป็นพนักงานกระทรวงสาธารณสุขทั่วประเทศ ทุกคนจะได้รับเงินจ้างจากเงินบำรุงของแต่ละโรงพยาบาลเหมือนเดิมอย่างแน่นอน ประกันวงเงินรายได้เท่าเดิมหรือมากขึ้น ไม่มีคำว่าไม่มีเงินจ่าย ขอให้ทุกคนสบายใจได้ และทำสัญญาจ้างย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2556

จากกรณีที่มีข่าวว่าโรงพยาบาลในสังกัดของกระทรวงสาธารณสุข ในบางพื้นที่ไม่มีเงินจ่ายเป็นเงินเดือนค่าจ้างลูกจ้างชั่วคราว ที่อยู่ระหว่างดำเนินการปรับเป็นพนักงานกระทรวงสาธารณสุข หรือพกส. ต้องนำเงินสวัสดิการรพ.มาจ่ายเป็นค่าจ้างแทนเงินบำรุง เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2556 นายแพทย์ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า กรณีดังกล่าวเป็นความเข้าใจผิด เนื่องจากการจ่ายค่าจ้างลูกจ้างชั่วคราวที่ผ่านมาจะจ่ายด้วยเงินบำรุง และเมื่อเปลี่ยนสถานะจากลูกจ้างชั่วคราวเป็นพนักงานกระทรวงสาธารณสุข การจ่ายค่าจ้างยังคงจ่ายด้วยเงินบำรุงเช่นเดิม กรณีที่เกิดขึ้นที่โรงพยาบาลยะลา ได้สอบถามแล้ว พบว่าเป็นความเข้าใจผิดของเจ้าหน้าที่การเงิน ที่เข้าใจว่าเมื่อเปลี่ยนสถานะแล้ว จะต้องนำเงินสวัสดิการหรือเงินจากแหล่งอื่น มาจ่ายเป็นค่าจ้าง จึงได้ทำเรื่องเสนอว่าจะต้องมีการยืมเงินต่างๆ

“ขอยืนยันว่าทุกอย่างยังเหมือนเดิม คือใช้เงินบำรุงของโรงพยาบาลจ่ายเป็นค่าจ้างพนักงานกระทรวงสาธารณสุข โดยไม่มีคำว่าไม่มีเงินจ่าย และสถานะของลูกจ้างชั่วคราวเมื่อบรรจุเป็นพนักงานกระทรวงสาธารณสุขแล้ว อัตราการจ่ายยังเหมือนเดิม คือรายได้เท่าเดิม หรือมากขึ้น ไม่ได้ลดลงแต่อย่างใด ขอให้ลูกจ้างทุกคนสบายใจได้” นายแพทย์ประดิษฐกล่าว

นายแพทย์ประดิษฐ กล่าวต่อว่า ความคืบหน้าการบรรจุพนักงานกระทรวงสาธารณสุข ในวันนี้จะมีการประชุมคณะกรรมการพนักงานกระทรวงสาธารณสุข เพื่อกำหนดมาตรการต่างๆ เนื่องจากพบว่าเดิมจำนวนลูกจ้างชั่วคราวที่มี 120,000 กว่าคน ซึ่งหลังจากที่ได้บรรจุเป็นข้าราชการไปแล้วน่าจะเหลือ ประมาณ 110,000 คน แต่กลับมีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็น 140,000-150,000 คน ในหลักการจะรับไว้ทั้งหมด และต้องปรับแผนด้านการเงินใหม่ รายได้จึงอาจจะไม่ได้เท่าที่คิดหรือคาดหวังไว้ แต่ไม่ลดลงจากเงินเดือนเดิมที่เคยได้ก่อนทำสัญญาจ้างเป็นพกส. และทุกคนจะได้รับสวัสดิการเพิ่มขึ้น เช่นประกันสังคม สิทธิสวัสดิการการลาหยุด ลาศึกษาต่อ และมีสัญญาจ้างงานที่ยาวขึ้นคราวละไม่เกิน 4 ปี ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำบัญชีและตรวจสอบคุณสมบัติ เพิ่มที่จะรับเข้ามา ซึ่งจะต้องใช้เวลาภายในเดือนพฤศจิกายน 2556 และจะย้อนหลังให้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2556 เป็นต้นไป

ทั้งนี้ ในการจ้างของแต่ละโรงพยาบาล ได้ให้นโยบายว่า จำนวนลูกจ้างที่รับเข้าเป็นพนักงานกระทรวงสาธารณสุข จะต้องคำนึงถึงความจำเป็นตามภาระงาน และความพร้อมด้านการเงินของโรงพยาบาลประกอบกัน เพราะที่ผ่านมาผู้บริหารอาจคิดถึงประเด็นเหล่านี้ไม่เข้มข้น

ทางด้านนายแพทย์วชิระ เพ็งจันทร์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้ได้ให้ทุกจังหวัดทุกเขต เร่งรัดจัดทำกรอบอัตรากำลังคนให้แล้วเสร็จภายในเดือนพฤศจิกายน 2556 ลูกจ้างชั่วคราวที่ประเมินไม่ผ่านหรือตำแหน่งเกินกรอบอัตรากำลัง ให้จ้างงานลักษณะอื่นได้ เช่นลูกจ้างชั่วคราวด้วยเงินบำรุงรายเดือนภายในกรอบวงเงินเพิ่มจากการจ้างลูกจ้างชั่วคราวเดิม ณ วันที่ 1 พฤษภาคม 2556 ไม่เกินร้อยละ 10 ซึ่งหลังจากที่คณะกรรมการบริหารพนักงานกระทรวงสาธารณสุข ได้อนุมัติกรอบอัตรากำลังของกระทรวงสาธารณสุขแล้ว ส่วนราชการต่างๆ สามารถบรรจุลูกจ้างชั่วคราวเข้าเป็นพนักงานกระทรวงสาธารณสุข และเสนอหัวหน้าเครือข่ายบริการระดับเขตให้ความเห็นชอบ พร้อมอนุมัติให้ส่วนราชการจัดทำสัญญาจ้างและจัดทำคำสั่งปฏิบัติงาน ตั้งแต่ 1-30 พฤศจิกายน 2556 โดยย้อนหลังไปจ้างตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2556

สำหรับพนักงานกระทรวงสาธารณสุข จะมี 2 ประเภท คือประเภททั่วไปและประเภทพิเศษ เฉพาะในสายงานวิชาชีพจะได้รับอัตราค่าจ้างสุงกว่าข้าราชการ 1.2 เท่าตัว เช่นพยาบาลวิชาชีพ นักเทคนิคการแพทย์ นักกายภาพบำบัด ระดับปริญญาตรีหากเป็นข้าราชการวงเงินเดือนเริ่มต้น 13,300 บาท แต่พนักงานกระทรวงสาธารณสุขจะได้รับขั้นต่ำ 15,960 บาทขั้นสูง 39,630 บาท ได้เลื่อนค่าจ้างปีละ 1 ครั้งภายในวงเงินร้อยละ 6 ต่อปี ซึ่งสูงกว่าพนักงานราชการซึ่งเลื่อนขั้นร้อยละ 4 ต่อปี ต่อสัญญาจ้างทุก 4 ปี เลิกจ้างเมื่ออายุ 60 ปี มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพพนักงานกระทรวงสาธารณสุข เป็นต้น