ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

สยามธุรกิจ - นับถอยหลังสู่สังคมผู้สูงอายุธุรกิจสุขภาพปูพรมรับโอกาสสำคัญโรงพยา-บาลเอกชนปั้นระบบสมาชิกมอบสิทธิพิเศษตรงกลุ่มเป้าหมายส่งรถฉุกเฉินกู้สมองทันท่วงทีอวดแอพพลิเคชั่นเก๋เรียกรถพยาบาลไปในปุ่มเดียวศูนย์สุขภาพชี้วิถีการดูแลแบบองค์รวมมาแรง

ข้อมูลจากหลายสถาบันรายงานออกมาเป็นทิศทางเดียวกันว่า ประเทศไทยเริ่มเข้าสู่ยุค "สังคมผู้สูงอายุ" โดยที่ประชากรผู้สูงอายุไทยมีอายุตั้งแต่65 ปีขึ้นไป มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นจากร้อยละ10.7 (7 ล้านคน) ในปี 2550 เป็นร้อยละ 11.7 (7.5) ล้านบาทในปี 2553 และคาดว่าประเทศไทยจะเพิ่มเป็นร้อยละ 20.0 (14.5 ล้านคน)ในปี2568นั่นหมายความว่าประเทศไทยจะเป็นสังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ในอีกวัน 13  ปีข้างหน้า

ประเด็นดังกล่าวส่งผลให้ทางโรงพยาบาลหรือสถาบันสุขภาพจำนวนมากหันมาให้ความสนใจโดยเล็งเห็นความสำคัญของประชากรกลุ่มดังกล่าวที่มีแนวโน้มจะเพิ่มมากขึ้นและต้องพบกับปัญหาสุขภาพหลายอย่างตามมาทำให้ธุรกิจดูแลสุขภาพผู้สูงวัยจึงเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก

ร.พ.กรุงเทพชูระบบสมาชิกยังฟิตคลับ

ปัจจุบันทางโรงพยาบาลเอกชนหลากหลายแห่งได้ทำการเปิดศูนย์ดูแลสุขภาพผู้สูงวัยพร้อมกับการจัดกิจกรรมร่วมกับการให้สิทธิพิเศษต่างๆมากมายในการให้บริการผู้บริโภคกลุ่มดังกล่าวน.พ.ชาตรี  ดวงเนตรประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ-การแพทย์และกรรมการรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) โรงพยาบาลกรุงเทพกล่าวว่าจากสถิติสังคมไทยจะกลายเป็นสังคมของผู้สูงวัยและมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นทุกปีทั้งนี้เมื่ออายุมากขึ้นสิ่งที่ตามมาคือโรคภัยไข้เจ็บโดยโรคที่พบบ่อย ได้แก่ เบาหวาน ความดันและความเสื่อมของระบบร่างกาย  ซึ่งอาจส่งผลให้ผู้สูงวัยรับเชื้อโรคได้ง่ายกว่าในวัยอื่นๆ การตรวจสุขภาพอย่างละเอียดจึงช่วยให้ผู้สูงวัยสามารถเตรียมความพร้อมในการดูแลสุขภาพตนเองและลดความเสี่ยงในการที่จะเกิดโรคขึ้นได้ในอนาคต

ดังนั้นทางโรงพยาบาลจึงได้จัดโปรแกรมการตรวจสุขภาพชีววัฒนะภายใต้ชื่อ"บัตรชีววัฒนะยังฟิตคลับ" (Young Fit Club) คลับร่วมสมัยของวัย60 ปี+ ที่รักการใส่ใจดูแลสุขภาพตนเอง ออกแบบมาสำหรับผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไป โดยมีความแตกต่างจากการตรวจสุขภาพทั่วไปด้วยการเน้นการตรวจคัดกรองโรคและปัญหาที่นำไปสู่การรักษาผู้สูงวัยแบบรายบุคคลได้อย่างเหมาะสมโดยทีมแพทย์สหสาขาที่เชี่ยวชาญด้านการดูแลรักษาผู้สูงวัยโดยเฉพาะ พร้อมมอบสิทธิประโยชน์ต่างๆ  สำหรับโปรแกรมการตรวจสุขภาพผู้สูงวัยตั้งแต่อายุ 60 ปีขึ้นไป สามารถใช้บริการได้ทั้งที่โรงพยาบาลกรุงเทพและโรงพยาบาลในเครือครอบคลุมยามปกติและฉุกเฉิน ทั้งผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยในไวทัลไลฟ์อวดแผยรับอนาคต

นายแอนโทนี่ จู๊ด ตัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไวทัลไลฟ์คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้บุกเบิกศูนย์ส่งเสริมสุขภาพ"ไวทัลไลฟ์"ดำเนินการภายใต้โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนลกล่าวว่า ไวทัลไลฟ์ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2544 เป็นคลินิกด้านเวชศาสตร์การคาดการณ์และป้องกันโรคเวชศาสตร์ชะลอวัย ตลอดจนเวชศาสตร์ฟื้นฟูภาวะเสื่อมโดยเน้นการดูแลสุขภาพด้วยการใช้หลักวิทยาศาสตร์เป็นพื้นฐาน ถือเป็นศูนย์ส่งเสริมสุขภาพด้วยศาสตร์แห่งการชะลอวัยเป็นแห่งแรกๆของภูมิภาคเอเชียปัจจุบันได้ดำเนินงานมาสู่ปีที่ 12 ในปีแล้ว

ในปีที่ผ่านมาศูนย์มีผู้ใช้บริการประมาณ 13,000 คน เป็นสัดส่วนผู้ใช้บริการคนไทย60%และต่างชาติ40%ซึ่งมีรายได้เติบโตอย่างก้าวกระโดดถึง200%จากปกติที่มีอัตราการเติบโตประมาณ40%ถือเป็นผู้นำตลาดศูนย์ส่งเสริมสุขภาพในประเทศไทยที่มีส่วนแบ่งกว่า50%โดยมีปัจจัยมาจากความตื่นตัวในเรื่องการดูแลสุขภาพและการป้องกันโรคภัยของประชาชนและประชากรไทยและทั่วโลกเริ่มเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยเพิ่มมากขึ้น

ล่าสุดจึงได้เปิดตัวโปรแกรมดูแลสุขภาพแห่งอนาคต"Future Health"เพื่อยกระดับการใช้ชีวิตของลูกค้าให้มีสุขภาวะกายและใจผ่านการสร้างเสริมระบบภูมิคุ้มกันการสร้างความแข็งแรงของร่างกาย ตลอดจนกระบวนการฟื้นฟูร่างกาย โดยโปรแกรมดังกล่าวถือเป็นครั้งแรกของการนำเสนอนวัตกรรมการรักษารูปแบบใหม่ที่มีความแตกต่างในการรักษาผ่านงานวิจัยทางการแพทย์ตลอดจนการนำเทคโนโลยีและความห่วงใยมาผสมผสานสู่

รูปแบบการดูแลสุขภาพแบบใหม่แห่งศตวรรษที่ 21

"โปรแกรมดูแลสุขภาพใหม่นี้เรามั่นใจว่าจะให้ลูกค้าทุกคนตลอดจนครอบครัวมีสุขภาพที่ดี ขณะที่ผู้ใหญ่และผู้สูงอายุส่วนใหญ่มีความเข้าใจและห่วงใยในสุขภาพของพวกเขาอยู่แล้วก็สามารถดูแลสุขภาพเชิงรุกในระยะยาวที่ครอบคลุมดูแลสุขภาพแบบองค์รวมได้อย่างสมบูรณ์"นครธนผนึกจีรังเข็นแนวองค์รวม

น.พ.วิโรจน์ ตระการวิจิตร ผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์โรงพยาบาลนครธนกล่าวว่าปัจจุบันคนทุกเพศทุกวัยมีปัญหาสุขภาพเพิ่มมากขึ้นทั้งการมีชีวิตอยู่ด้วยการรักษาโรคด้วยยาเพียงอย่างเดียวจึงไม่เพียงพอดังนั้นการดูแลสุขภาพที่เรียกว่าแบบองค์รวมจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งกับในสภาพปัจจุบันส่งผลให้ทางโรงพยาบาลได้ร่วมกับ "จีรัง เฮลธ์ วิลเลจ"  จัดโครงการ "วิถีสุขภาพเพื่อชีวิต เพื่อคุณ"ในการให้ข้อมูลในการช่วยแก้ไขรักษาสำหรับผู้มีปัญหาสุขภาพเรื้อรังในคนทุกเพศทุกวัยโดยให้มาดูแลส่งเสริมและฟื้นฟูสุขภาพของตนเองด้วยวิถีธรรมชาติตามหลักการแพทย์แบบองค์รวมมุ่งเน้นให้ทุกคนรู้จักปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการใช้ชีวิตให้ถูกต้องเพื่อให้ร่างกายและจิตใจมีสุขภาพแข็งแรงสมดุลอันเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างภูมิคุ้มกันที่แข็งแกร่งในระยะยาวควบคู่ไปกับการบำบัดรักษาด้วยการแพทย์แผนปัจจุบัน

"โครงการนี้ถือเป็นโอกาสได้ให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้เรียนรู้หลักการฟื้นฟูและดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ซึ่งสามารถนำไปปรับใช้ได้จริงในชีวิตประจำวันในการดูแลสุขภาพร่างกายที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล วัย และโรคเพื่อรักษาสมดุล หรือปรับสมดุลในร่างกายอย่างถูกต้องเหมาะสมทั้งในเรื่องของการรับประทานอาหารอาการกำเริบของธาตุต่างๆ การออกกำลังกายที่เหมาะสมเพื่อให้มีสุขภาพอนามัยที่ดี ปลอดภัยจากโรคภัย"พญาไทส่งรถเคลื่อนที่ไอซียูกู้สมอง

ดร.นพ.เกริกยศ ชลายนเดชะ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพญาไท 1 กล่าวว่า ความก้าวหน้าของวงการแพทย์ในประเทศไทยทำให้คนไทยมีอายุยืนขึ้นจนกำลังก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุ ซึ่งการมีผู้สูงอายุมากขึ้นย่อมจะมีโรคที่พบร่วมกับผู้สูงอายุมากขึ้นด้วย โดยเฉพาะโรคที่สัมพันธ์กับความเสื่อมของหลอดเลือดเช่นหลอดเลือดอุดตันหรือแตกในสมองส่งผลให้เกิดภาวะอัมพฤกษ์ อัมพาตเฉียบพลันที่เป็นโรคที่พบได้ในผู้สูงอายุ และเกิดขึ้นได้ในเวลาหรือสถานที่ใดก็ได้โดยแทบจะไม่มีอาการบอกสัญญาณล่วงหน้าผลลัพธ์จะดีหรือร้ายขึ้นอยู่กับความรวดเร็วในการให้การรักษาผู้ป่วย

ดังนั้น ทางร.พ.จึงได้เปิดตัวMobile Stroke Unit  โครงการหน่วยกู้สมองเคลื่อนที่ ซึ่งมีลักษณะเป็นระบบไอซียูเคลื่อนที่ศักยภาพสูงประกอบด้วยเครื่องมือในการรักษาสภาวะวิกฤติและพยุงชีวิตผู้ป่วยมีทีมช่วยชีวิตที่มีความชำนาญทั้งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษา พร้อมระบบอันทันสมัย ในช่วยรักษาโรคหลอดเลือดสมองได้ทันท่วงทีลดเสี่ยงอัมพฤกษ์ อัมพาต สำหรับผู้สูงวัยโดยเฉพาะ

ด้านโรงพยาบาลปิยะเวทได้ประกาศเดินหน้านโยบายส่งเสริมสุขภาพเพื่อคนทุกเพศทุกวัยเช่นกันโดยเปิดตัวแอพพลิเคชั่นเพื่อสุขภาพใหม่เอาใจลูกค้ายุคออนไลน์สร้างความใกล้ชิดกับโรงพยาบาล ชูจุดเด่นบริการ Emergency Call เรียกรถพยาบาลในปุ่มเดียวเพิ่มความมั่นใจในการบริการตลอด 24 ชั่วโมง

และนี่ถือเป็นการปรับตัวของธุรกิจสุขภาพที่หันมาให้ความสำคัญกับผู้สูงวัยเช่นเดียวกับภาคธุรกิจอีกหลายแขนงซึ่งหันมาปรับทิศทางเพื่อทำตลาดกับคนกลุ่มนี้มากขึ้น

ที่มา: หนังสือพิมพ์สยามธุรกิจ ฉบับวันที่ 13 - 15 พ.ย. 2556--