ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

พิมพ์ไทย - นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า วันที่ 19 พฤศจิกายน ทุกปี องค์การส้วมโลก กำหนดให้เป็น"วันส้วมโลก"  (world toilet day) เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นในการรณรงค์กิจกรรมต่างๆ ให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของความสะอาดห้องน้ำ ห้องส้วมมากขึ้น เนื่องจากเป็นสถานที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวันของคนเรา ในการขับถ่ายของเสียที่ออกจากร่างกายในส่วนของประเทศไทยขณะนี้ ซึ่งมีครัวเรือนกว่า 20 ล้านครัวเรือน มีสมาชิกเฉลี่ยครัวเรือนละ 3.2 คน ผลสำรวจพบว่าร้อยละ 98 มีส้วมถูกหลังสุขาภิบาลใช้ โดยภายใน พ.ศ.2559 กระทรวงสาธารณสุขมีแผนรณรงค์ให้ประชาชนไทยใช้ส้วมชนิดนั่งราบให้มากขึ้น เพื่อรองรับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ และป้องกันโรคข้อเข่าเสื่อมจากการนั่งงอเข่าเป็นเวลานาน โดยตั้งเป้าจะให้ครอบคลุมส้วมสาธารณะให้ได้ร้อยละ 90 ส่วนในบ้านเรือนทั่วไป ซึ่งส่วนใหญ่ขณะนี้ประมาณร้อยละ 80 จะใช้ส้วมชนิดนั่งยอง จะสนับสนุนให้ใช้อุปกรณ์เสริม เช่น ใช้เก้าอี้เจาะรูตรงกลาง ให้นั่งสะดวกสบายขึ้น โดยเฉพาะผู้สูงอายุ หรือที่ผู้เจ็บป่วยมีโรคประจำตัวและหากมีความพร้อมทางเศรษฐกิจก็อาจเปลี่ยนเป็นส้วมชนิดนั่งราบได้

นายสรวงศ์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ดี กรมอนามัยได้สุ่มสำรวจห้องส้วมสาธารณะ เช่น ปั๊มน้ำมัน วัดล่าสุดในปี 2555 พบว่าต้องเพิ่มการดูแลความสะอาดส้วมให้มากขึ้น เนื่องจากพบว่ามีการปนเปื้อนอุจจาระถึง 6 จุดพบมากที่สุดคือที่จับสายฉีดน้ำชำระ ร้อยละ 85 รองลงมา คือบริเวณพื้น ร้อยละ 50 ที่รองนั่งโถส้วม ร้อยละ 31 ที่กดน้ำของโถส้วมและโถปัสสาวะ พบร้อยละ 8 ก๊อกน้ำล้างมือ พบร้อยละ 7 และที่กลอนประตู พบร้อยละ 3 ดังนั้นจึงขอความร่วมมือเจ้าของหรือผู้ดูแลความสะอาดส้วมในสถานที่ดังกล่าวให้เพิ่มความถี่ในการดูแลความสะอาด โดยเฉพาะจุดที่พบการปนเปื้อนดังกล่าว เพื่อไม่ให้มีกลิ่นเหม็น และไม่เป็นแหล่งแพร่กระจายเชื้อโรค

ทางด้าน นพ.ณัฐพร วงษ์ศุทธิภากร รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่ากรมอนามัยได้รณรงค์ปลูกฝัง ให้ประชาชนใช้ส้วมอย่างถูกต้อง เริ่มตั้งแต่วัยเด็กโดยร่วมมือสำนักงานคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ จัดหลักสูตรการสอนการใช้ส้วมให้เด็กนักเรียนระดับประถมศึกษาทั่วประเทศ โดยปลูกฝัง 4 พฤติกรรมหลัก

ที่มา: หนังสือพิมพ์พิมพ์ไทย  วันที่ 20 พฤศจิกายน 2556