ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

คมชัดลึก  - "มีชัย" แนะคิดนอกกรอบแก้ปัญหาท้องไม่พร้อม เปิดทางเด็กท้อง-คลอดเข้าเรียนตามปกติ พาลูกมาเลี้ยงที่โรงเรียนได้ นำร่องร.ร.ศึกษาสงเคราะห์ ชี้เป็นการเรียนรู้ของเด็กคนอื่นๆ ได้เรียนรู้ว่าเมื่อท้องไม่พร้อมแล้วเป็นอย่างไร ดึงสภานักเรียนเข้ามาฝึกอบรมและให้ความรู้เพื่อให้ช่วยเผยแพร่ อย่าทำให้เด็กผู้หญิงที่ท้องไม่พร้อมหมดอนาคต ดึงภาคเอกชนร่วมแก้ปัญหาไม่ใช่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) หรือสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เท่านั้น

นายมีชัย วีระไวทยะ นายกสมาคมพัฒนาประชากรและชุมชน กล่าวภายหลังปาฐกถาพิเศษ ในการสัมมนาการเฝ้าระวังโรคระบาดอย่างมีส่วนร่วมโดยใช้เทคโนโลยีดิจิตอล (Digital Disease Detection : Bangkok) เมื่อเร็วๆ นี้ว่า ปัญหาการท้องไม่พร้อมนั้น ตนสนใจมาก และในฐานะที่เป็นคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ได้เคยเสนอแนวทางแก้ปัญหาว่าต้องดำเนินการทั้งป้องกันและรักษา โดยโรงเรียนที่มีนักเรียนที่ท้องไม่พร้อมต้องให้เขาได้เรียนตามปกติ เมื่อคลอดแล้วก็สามารถนำลูกมาเลี้ยงที่โรงเรียนได้ โดยมีเพื่อนนักเรียนคนอื่นๆ ช่วยเลี้ยง เมื่อถึงเวลาให้นมก็สามารถให้นมได้เช่นกัน ไม่ใช่โรงเรียนเขี่ยเด็กเหล่านี้ออกจากโรงเรียนเหมือนเช่นที่ดำเนินการในปัจจุบัน ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ยุติธรรมสำหรับผู้หญิง

นายมีชัย กล่าวอีกว่า กระทรวงศึกษาธิการมีโรงเรียนศึกษาสงเคราะห์ก็ควรเปิดโอกาสให้เด็กที่ท้องได้เข้ามาอยู่และสอนให้เด็กคนอื่นๆ ช่วยดูแลแบบเป็นพี่เป็นน้อง ซึ่งจะเป็นการเรียนรู้ที่ดีที่สุดของเด็กที่ยังไม่ท้องด้วย เพราะพวกเขาได้รู้เห็นว่าเมื่อท้องไม่พร้อมแล้วเป็นอย่างไร รวมถึงต้องดึงสภานักเรียนเข้ามาฝึกอบรมและให้ความรู้เพื่อให้ช่วยเผยแพร่ส่งต่อไปถึงเพื่อนๆ ที่สำคัญต้องอย่าทำให้เด็กผู้หญิงที่ท้องไม่พร้อมหมดอนาคต เกิดความรู้สึกสังคมรังเกียจ ทั้งที่เขาไม่ได้ทำอะไรต่างจากแม่เลย เพียงแต่เลือกคนและเวลายังไม่ถูกเท่านั้น

"การศึกษาและให้ความรู้เรื่องเพศศึกษายังอ่อนแอมาก การจะหวังให้มีการแก้ปัญหานี้สำเร็จเป็นเรื่องยาก จึงต้องเอาจริงเอาจังมากกว่านี้ อย่าเพียงแค่ให้เป็นหน้าที่ของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) หรือสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) เท่านั้น แต่ต้องดึงความร่วมมือจากหน่วยงานภาคเอกชนด้วย และในการแก้ปัญหาต้องกล้าที่จะคิดนอกกรอบ" นายมีชัยกล่าว

นพ.ลาร์รี่ บริลเลี่ยนท์ ประธานสกอล โกลบอล เทรธส์ ฟันด์ กล่าวเรื่อง "ร่วมกันหยุดยั้งโรคระบาด" ในงานเดียวกันว่า หากคนเราไม่ทำอะไร เมื่อโลกเกิดโรคระบาดก็จะฆ่าคนได้เป็นล้านๆ คน ภาคธุรกิจ ก็ไม่สามารถขับเคลื่อนต่อไปได้ แต่สามารถหยุดโรคระบาดได้ ที่สำคัญต้องค้นหาให้เจอตั้งแต่เริ่มต้นการแพร่ระบาดก็จะทำให้การรักษาได้เร็ว รวมถึงหาแนวทางป้องกันโรคและการแพร่ระบาด ซึ่งการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการเฝ้าระวังโรคระบาดเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยให้การค้นหาโรคระบาดทำได้เร็วขึ้นและเป็นโอกาสดีที่จะได้ร่วมมือกันป้องกันโรคระบาดเพื่อสุขภาพที่ดี

ที่มา: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก  วันที่ 25 พฤศจิกายน 2556