ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

แนวหน้า - นายแพทย์ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขกล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยในปี 2556 คาดว่ามีผู้ติดเชื้อเอชไอวี และผู้ป่วยเอดส์สะสมประมาณ 1,166,543 คน ยังมีชีวิตอยู่จำนวน 447,640 คน เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่จำนวน 8,959 คน กระทรวงสาธารณสุขได้มอบหมายให้องค์การเภสัชกรรมเร่งวิจัยและพัฒนายาต้านไวรัสเอดส์เพื่อให้ประชาชนได้เข้าถึงการรักษาอย่างทั่วถึงเท่าเทียมและมีคุณภาพ

สำหรับองค์การเภสัชกรรม ได้วิจัยและพัฒนายาต้านไวรัสเอดส์มาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี พ.ศ.2535 กว่า 25 รายการมีการพัฒนาสูตรตำรับยาต้านไวรัสเอดส์ทั้งสูตรยาเดี่ยวและยารวม และได้กระจายสู่ผู้ป่วยในปี พ.ศ.2538 จนในปี พ.ศ.2544 ได้ขยายกำลังการผลิตสู่ระดับอุตสาหกรรม พัฒนาสูตรยาต้านไวรัสเอดส์ จีพีโอ -วีไออาร์ เอส 30 (GPO-VIR S30?) โดยรวมยา 3 รายการ ไว้ในเม็ดเดียวกัน ประกอบด้วยเนวิราปีน(nevirapine)200 มิลลิกรัม,ลามิวูดีน(lamivudine)150 มิลลิกรัมและสตาวูดีน(stavudine)50 มิลลิกรัม และยาจีพีโอ -วีไออาร์ แซด 250 (GPO-VIR Z250?)ประกอบด้วย เนวิราปีน(nevirapine)200 มิลลิกรัม,ลามิวูดีน(lamivudine)150 มิลลิกรัมและซิโดวูดีน(zidovudine)250 มิลลิกรัมโดยได้รับอนุสิทธิบัตรจากกรมทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งสูตรตำรับยารวมนี้ช่วยให้ผู้ป่วยใช้ยาได้สะดวกขึ้น และลดปัญหาการลืมรับประทานยา ป้องกันการดื้อยาในอนาคต

ทั้งนี้ ในเดือนธันวาคมจะผลิตยาเพิ่มอีก2 รายการเป็นยาชื่อสามัญ คือ ยา ทีโนโฟเวีย ดีเอฟ /เอ็มไตรซิตาไบ (Tenofovir DF/Emtricitabine) ชนิดเม็ดขนาด 300/200 มิลลิกรัม ผสมอยู่ในเม็ดเดียวกัน และยาเอฟฟาไวเรน (Efavirenz) ชนิดเม็ดขนาด 50/200/600 มิลลิกรัม ซึ่งเป็นยาที่รัฐบาลเคยประกาศการบังคับใช้สิทธิตามสิทธิบัตร หรือซีแอล (Compulsory Licensing: CL)ไปก่อนหน้านี้ ปัจจุบันได้หมดสิทธิบัตรแล้วองค์การเภสัชกรรมจึงได้วิจัยและผลิตให้มีขนาดของความแรงต่างๆ โดยยาทั้ง 2 รายการ เป็นยาต้านไวรัสเอดส์สูตรตั้งต้นเป็นทางเลือกในการรักษาผู้ติดเชื้อรายใหม่ ที่เพิ่งเข้ารับการรักษาเป็นครั้งแรกหรือสำหรับผู้ป่วยที่ไม่สามารถใช้ยาสูตรเดิมได้โดยได้พัฒนาจนสามารถลดจำนวนครั้งที่ต้องรับประทานจากวันละ 2 ครั้ง เหลือรับประทานวันละ 1 ครั้ง ช่วยเพิ่มความสะดวกในการกินยาของผู้ป่วย ป้องกันการลืมกินยาอีกทั้งยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในการนำเข้ายาจากต่างประเทศได้จำนวนมากโดยยาใหม่ทั้ง 2 รายการ นี้ มีประสิทธิผลเทียบเท่ายาต้นแบบ

ที่มา: http://www.naewna.com