ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

นพ.สุพรรณ ศรีธรรมมา อธิบดีกรมการแพทย์, นพ.วชิระ เพ็งจันทร์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ประชุม ผู้บริหารจากกระทรวงสาธารณ สุข (สธ.), โรงพยาบาลพระมง กุฎเกล้า, โรงพยาบาลรามาธิบดี, ทีมปฏิบัติการการแพทย์ฉุกเฉิน เพื่อประเมินสถานการณ์และวางแผนดำเนินงานด้านการแพทย์รองรับการชุมนุมในวันที่ 10 ธ.ค.

โดย นพ.สุพรรณกล่าวว่า ขณะนี้ สธ.ยังคงจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการการป้องกันแก้ไขปัญหา สาธารณภัยด้านการแพทย์และสาธารณสุขส่วนหน้าที่โรงพยาบาลสงฆ์ แต่มีการประ ชุมวอร์รูมที่ รพ.เลิดสิน เพื่อให้การปฏิบัติงานมีความคล่อง ตัว เนื่องจากการเดินเท้าไปยัง ทำเนียบรัฐบาลเมื่อวันที่ 9 ธ.ค. พบว่าปลายแถวของผู้ชุมนุมยาวมาจนถึงหน้า รพ.สงฆ์ ทำ ให้ไม่สะดวกในการเคลื่อนย้าย ทีมออกปฏิบัติการดูแลผู้ชุมนุม จึงตั้งศูนย์ปฏิบัติการขึ้นอีกแห่งที่ รพ.เลิดสิน แต่ที่ รพ.สงฆ์ยังคงเป็นศูนย์ส่วนหน้าเช่นเดิม โดยจะทำหน้าที่สนับสนุนยา เวชภัณฑ์ และความช่วยเหลือแก่ทีมแพทย์ในที่ชุมนุม

จากการติดตามสถาน การณ์การบาดเจ็บรอบ 24 ชั่ว โมง ตั้งแต่ 08.00 น.วันที่ 9 ธ.ค. ถึงเวลา 08.00 น.วันที่ 10 ธ.ค.56 ไม่มีผู้บาดเจ็บจากเหตุรุนแรง มีเฉพาะการเจ็บป่วยทั่วๆ ไปของผู้ร่วมชุมนุม เช่น เป็นลม วิงเวียนศีรษะ ปวดเมื่อยจำนวนหลายร้อยราย หน่วยแพทย์ได้นำส่งรักษา รพ.รามาธิบดีจำนวน 15 ราย ในจำนวนนี้รับตัวไว้รักษา 1 ราย เนื่องจากมีอาการชักเกร็ง และ รับไว้สังเกตอาการที่ห้องฉุกเฉิน 1 รายจากอาการแน่นหน้าอก ทั้งนี้ การปฏิบัติงานเป็นไปด้วยดี โดยมีบุคลากรทั้งจาก รพ.สังกัดกรมการแพทย์, รามาธิบดี, พระ มงกุฎเกล้า, มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง, มูลนิธิร่วมกตัญญู  และแพทย์พยาบาลจิตอาสาที่มาจากต่างจังหวัดมาร่วมดูแลผู้ชุมนุมประ มาณ 300 คน กับหน่วยทหารเสนารักษ์  59 นาย

สำหรับยอดผู้บาดเจ็บสะสมจากเหตุการณ์ปะทะตั้งแต่วันที่ 30 พ.ย.เป็นต้นมา ยังเท่าเดิมคือบาดเจ็บทั้งหมด 290 ราย  รับตัวนอนรักษาในโรงพยาบาล 89 ราย ส่วนใหญ่กลับบ้านแล้ว ยังคงเหลือนอนรักษาในวันนี้ 15 ราย ในโรงพยาบาลรัฐและเอกชน 11 แห่ง ทุกรายอาการดีขึ้น ไม่มีรายใดอาการหนัก ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิตมี 5 รายเท่าเดิม

อย่างไรก็ตาม ได้มีการปรับแผนเน้นการเฝ้าระวังการบาดเจ็บและการดูแลสุขภาพผู้ชุมนุมทั่วไป  ตามแผนเอราวัณ 2 มีการติดตามเฝ้าระวังสถาน การณ์อย่างใกล้ชิด เตรียมกำลังบุคลากร, เวชภัณฑ์ต่างๆ โดยให้โรงพยาบาลสังกัดกรมการแพทย์ คือ รพ.เลิดสิน, ราชวิถี และนพรัตนราชธานี เป็นหน่วยงานหลัก และมี รพ.รามาธิบดี, พระมงกุฎเกล้า และ รพ.ภาคีเครือข่าย เตรียมความพร้อมไว้ทุกด้านตลอด 24 ชั่วโมง

ที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ วันที่ 11 ธันวาคม 2556