ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

แนวหน้า - นายแพทย์สุพรรณ ศรีธรรมมา อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า กรมการแพทย์เป็นส่วนราชการหลักในการกำหนดนโยบายและให้การดูแลรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งอย่างครบวงจร โดยมีหน่วยงานในกำกับดูแลที่เกี่ยวข้องกับโรคมะเร็ง คือ สถาบันมะเร็งแห่งชาติ และโรงพยาบาลมะเร็งภูมิภาค 7 แห่งทั่วประเทศ ปัจจุบันโรคมะเร็งเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญของประเทศ เป็นสาเหตุการตายอันดับหนึ่งของคนไทยมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2541 เป็นต้นมา กรมการ แพทย์ ได้สนับสนุนให้สถาบันมะเร็งแห่งชาติจัดทำแผนยุทธศาสตร์การป้องกันและควบคุมโรคมะเร็งแห่งชาติ (National Cancer Control Program) ตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลกมาตั้งแต่ปี 2540 และในปีนี้ได้นำแผนยุทธศาสตร์ดังกล่าวถ่ายทอดลงสู่แผนพัฒนาระบบบริการสุขภาพสาขามะเร็ง (Service Plan) เพื่อให้นำไปสู่การปฏิบัติในแต่ละพื้นที่ในทุกเขตบริการสุขภาพทั้ง 12 เขตทั่วประเทศอย่างแท้จริง ส่งผลให้ประชาชนได้รับการบริการด้านโรคมะเร็งที่มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น อย่างทั่วถึง

"แผนพัฒนาระบบบริการสุขภาพสาขามะเร็งนี้ ครอบคลุมทั้ง 7 ด้าน ตั้งแต่การป้องกัน การตรวจคัดกรอง การตรวจวินิจฉัย การรักษา การดูแลแบบประคับประคอง สารสนเทศโรคมะเร็ง และการวิจัยโรคมะเร็ง นำไปใช้ในโรงพยาบาลทุกระดับตั้งแต่ระดับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพระดับตำบลหรือ รพ.สต. ไปจนถึงโรงพยาบาลศูนย์ และโรงพยาบาลมะเร็งในภูมิภาคของกรมการแพทย์"

นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กล่าวว่า สถาบันมะเร็งแห่งชาติ ในฐานะสถาบันทางการแพทย์เฉพาะทางในระดับทุติยภูมิ มีความพร้อมทั้งทางด้านการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งทุกสาขาอย่างครบวงจร  รวมถึงการวิจัยโรคมะเร็ง  การทำทะเบียนมะเร็งระดับชาติ การให้บริการทางวิชาการในรูปแบบการถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านโรคมะเร็งให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ ทุกสาขามาตลอด 45 ปี  สามารถสนับสนุนองค์ความรู้ด้านโรคมะเร็งให้แก่ทุกเขตบริการสุขภาพทั่วประเทศ และในฐานะที่เป็นประธาน คณะกรรมการพัฒนาระบบบริการสุขภาพสาขามะเร็ง กล่าวถึงการดำเนินงานตามแผนพัฒนาระบบบริการสุขภาพสาขามะเร็งนี้ จะมีการติดตามประเมินผล อย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลาของแผน 5 ปี  ทั้งนี้เพื่อให้บรรลุเป้าหมายสำคัญ คือ การลดอัตราการป่วย ด้วยโรคมะเร็ง ลดระยะเวลารอคอยการรักษา ลดค่าใช้จ่าย  และเพิ่มอัตรารอดชีวิตของผู้ป่วยโรคมะเร็งให้ยาวนานมากขึ้น  มีคุณภาพชีวิตที่ดี และสามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุข

ที่มา: หนังสือพิมพ์แนวหน้า  วันที่ 13 ธ.ค 56