ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

การให้ความสำคัญเกี่ยวกับการรักษาผู้ป่วย ผู้สูงอายุถือเป็นหน้าที่หลักในการบริหารงานของ อปท.ทั่วประเทศ เช่นเดียวกับการทำงานของ ดร.ภัทรพล จำปารัตน์ นายก อบต.บาง แก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ กล่าวว่า พื้นที่รับผิดชอบของ อบต.บางแก้ว มีประชากรทั้งสิ้น 43,807 คน และมีแนวโน้มสูงขึ้น ทำให้การปฏิบัติงานในภารกิจอำนาจหน้าที่โดยเฉพาะงานด้านสาธารณสุข และสิ่งแวดล้อม ได้แก่ การส่งเสริมป้องกันโรค และระงับโรคติดต่อ ตลอดจนการเตรียมความพร้อมการให้บริการการแพทย์และสาธารณสุขรองรับอาเซียน ที่คาดว่าจะมีแรงงานข้ามชาติเพิ่มมากขึ้นนั้นจะบริการประชาชนได้ไม่ทั่วถึง โดยปัจจุบัน อบต.บางแก้วมีโรงพยาบาลส่งเสริม

สุขภาพตำบลเพียง 2 แห่ง ไม่พอกับความต้องการ ของประชาชน และจากที่ประชุมสภาเห็นพ้องในการบูรณาการเชิงรุก จึงได้จัดตั้งศูนย์แพทย์ครอบครัวและชุมชนขึ้น เพื่อหวังสร้างหลักประกันการบริการด้านสุขภาพให้เกิดประโยชน์กับประชาชนให้ได้รับความเป็นธรรมทางการแพทย์และสิทธิรักษาพยาบาลตามหลักเกณฑ์

โดยเมื่อเร็ว ๆ นี้ หลังจากโครงการดังกล่าวเสร็จเป็นรูปร่างอย่างสมบูรณ์ตนจึงได้จัดให้มีพิธีเปิดศูนย์แพทย์ครอบครัวและชุมชน อบต.บางแก้วอย่างเป็นทางการขึ้นในชุมชนโรงเรียนราชวินิตบางแก้ว หมู่ 8 ต.บางแก้ว โดยได้รับเกียรติจาก ดร.ประชา

ประสพดี รักษาการ รมช.มหาดไทย เป็นประธาน มี นายคณิต เอี่ยมระหงษ์ ผวจ.สมุทรปราการ นายวิวัฒน์ ฉันทนานุรักษ์ นอภ.บางพลี พ.ต.อ.สง่า ธีรศรัณยานนท์ ผกก.สภ.บางแก้ว นพ.ประทีป ธนกิจเจริญ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลภาครัฐ และภาคเอกชน พร้อมด้วยประชาชนกว่า 2,000 คนเข้าร่วมในพิธี

นอกจากนี้ยังได้มีการจับมือกันระหว่าง อบต.บางแก้วกับ นพ.กำพล พลัสสินทร์  ผอ.รพ.จุฬารัตน์ 3 ลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกันในการสนับสนุนนายแพทย์มาประจำศูนย์แพทย์ฯ โดยการจัดกิจกรรมครั้งนี้ อบต.ยังจัดให้มีซุ้มกิจกรรมต่าง ๆ มากมาย อาทิ การตรวจสุขภาพครบวงจรการบริการนวดแผนไทยให้กับประชาชน พร้อมมอบแว่นสายตาให้กับผู้สูงอายุด้วย

การจัดตั้งศูนย์แพทย์ครอบครัวฯใช้งบประมาณเงินภาษีของ อบต.บางแก้ว เป็นหลักโดยพี่เลี้ยง ใหญ่คือสำนักงาน หลักประกันสุขภาพ แห่งชาติสาธารณสุข จ.สมุทรปราการ สาธารณ สุขอำเภอบางพลีให้การสนับสนุน

ซึ่งก่อนหน้านี้ได้จัดคณะผู้บริหารไปศึกษาดูงานที่เมืองไบรตัน กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เกี่ยวกับ แฟมิลี่ดอกเตอร์ หรือหมอครอบครัว และได้มีการเจรจาพร้อมร่วมลงนามทางด้านสุขภาพแลกเปลี่ยนวิทยากร-วิทยาการงานวิจัยงานศึกษาด้านการแพทย์ชุมชนของอังกฤษ ถือเป็นแห่งแรกของรัฐบาลท้องถิ่นอังกฤษ และไทยที่ได้มีการร่วมลงนามโดยมีเป้าหมายแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม-แลกเปลี่ยนวิชาการด้านการแพทย์ โดยทั้งหมดนี้สิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ยังคงเหมือนเดิม ไม่ว่าจะเป็นระบบราชการ ระบบประกันสังคม และบัตรประชาชน โดยมี สปสช.แห่งชาติ ดูแลศูนย์แพทย์ครอบครัวฯแห่งนี้ เมื่อแล้วเสร็จพร้อมให้บริการเต็มรูปแบบจะประกอบไปด้วยเจ้าหน้าที่แพทย์ชำนาญการ พร้อมเจ้าหน้าที่พยาบาลวิชาชีพ อุปกรณ์ทางการแพทย์ต่าง ๆ เพื่อให้เป็นศูนย์แพทย์ฯต้นแบบในระดับท้องถิ่นไว้ดูแลสุขภาพประชาชน โดยมีรูปแบบที่แตกต่างจากศูนย์แพทย์ฯทั่วไป โดยมีเจ้าหน้าที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันออกไปเยี่ยมเยียนดูแลประชาชนแบบถึงบ้าน และเปิดโอกาสให้ประชาชนได้มีความรู้ความเข้าใจกับศูนย์แพทย์ครอบครัวฯของ อบต.บางแก้ว โดยมีวิทยากรฝึกอบรมสัมมนาให้ประชาชนได้เรียนรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพของตนเอง-ครอบครัว และเพื่อนบ้าน นอกจากนี้ยังได้เปิดโอกาสให้ประชาชนสมัครใจเข้าร่วมโครงการนี้โดยที่ครอบครัวใดมีความต้องการให้แพทย์ครอบครัวไปดูแลวิเคราะห์วินิจฉัยรักษา หรือประสานงานกับโรงพยาบาลอื่น ๆ ให้นั้นจะต้องสมัครเป็นสมาชิกครอบครัวศูนย์แพทย์ฯด้วย เพื่อสิทธิประโยชน์ในการเป็นแพทย์ประจำตัว-ประจำครอบครัวอย่างใกล้ชิดต่อไป สำหรับอาคารศูนย์แพทย์ฯดังกล่าวเป็นอาคารสูง 3 ชั้น ชั้นที่ 1 เป็นชั้นรักษาผู้ป่วยทั่วไปชั้น  2 เป็นชั้นแพทย์ทางเลือก และแพทย์แผนไทย การแพทย์แผนจีน ตั้งแต่หมอตำแย อยู่ไฟ หมอนวดแผนไทย หมอฝังเข็มฟื้นฟูสมรรถภาพให้กับผู้ป่วยอัมพฤกษ์-อัมพาต ส่วนชั้น  3 จะเป็นการรักษาด้านจิตใจ โดยทุกวันพระเดือนละ 4 วัน ทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุหรือบุคคลทั่วไปจะมารวมตัวกันปฏิบัติธรรมถือศีลเรียนรู้การใช้ชีวิตที่จะทำอย่างไรให้ร่างกายและจิตใจเกิดความสมดุลกัน ทั้งนี้จะจัดให้มีเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ พระสงฆ์ ปราชญ์ชุมชนที่จะมาเป็นวิทยากรพิเศษให้ ทั้งนี้ศูนย์แพทย์ฯแห่งนี้ได้รับการสนับสนุนที่ดิน 1 ไร่ จากสนามกอล์ฟเมืองแก้วเป็นศูนย์แพทย์ฯแห่งแรก นอกจากนี้ อบต.ยังพิจารณาที่จะก่อตั้งศูนย์แพทย์ฯแห่งที่ 2 ในชุมชนเปรมฤทัยหมู่ 14 และหมู่ 15 ซึ่งมีประชาชนมาก จำเป็นต้องสร้างศูนย์แพทย์ฯขึ้นโดยใช้เงินงบประมาณ 15 ล้านบาท และได้รับการสนับสนุนจากชาวหมู่ 14 บริจาคที่ดินให้ 1 ไร่ มูลค่า 12 ล้านบาท ซึ่งจะดำเนินการก่อสร้างให้แล้วเสร็จภายในปี 57 และจะเปิดให้บริการ ต่อเนื่องในปี 58 ต่อไปด้วย

ที่มา: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 16 ธนวาคม 2556