ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

จากกรณี"เดลินิวส์"นำเสนอข่าวการสำรองวัตถุดิบพาราเซตามอลจำนวน 148 ตัน ขององค์การเภสัชกรรม (อภ.) อย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่เดือน ก.พ.2556 จนนำไปสู่การตรวจสอบผู้ที่เกี่ยวข้อง และการแลกเปลี่ยนวัตถุดิบลอตใหม่ทั้งหมดกับบริษัทในประเทศจีน ทั้งนี้วัตถุดิบที่มีปัญหาถูกขนลงเรือไปประเทศจีนตั้งแต่เดือน มิ.ย. 2556 จากการติดตามข่าวในเรื่องนี้ นพ.สุวัช เซียศิริวัฒนา ผอ.อภ. แจ้งว่าวัตถุดิบลอตใหม่ที่แลกเปลี่ยนจะเข้ามาภายในเดือน ธ.ค.2556 หากวัตถุดิบไม่เข้ามาจะมีการดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ไปอัพเดทข้อมูลกันว่าวัตถุดิบพาราเซตามอลทั้งหมดจากประเทศจีนเข้ามาหรือยัง

นพ.สุวัช บอกว่า ล่าสุดได้ตรวจสอบข่าวกับทางบริษัทแล้วทราบว่าวัตถุดิบพาราเซตามอลขนลงเรือจากประเทศจีนตั้งแต่วันที่ 29 ธ.ค.2556 โดยวัตถุดิบจะมาถึงประเทศไทยประมาณวันที่ 8 ม.ค. 2557 โดยเข้ามาก่อนจำนวน 2 ชุด ชุดละ 12 ตัน รวมเป็น 24 ตัน ส่วนอีกกว่า 100 ตันนั้นจะทยอยเข้ามาภายในเดือนมกราคม ถ้าวัตถุดิบลอตแรกเข้ามาแล้วทาง อภ.จะเชิญทั้งสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) รวมทั้งสื่อมวลชนไปตรวจรับด้วยกัน ถ้าไม่ผิดพลาดเรือจากประเทศจีนคงมาถึงท่าเรือประมาณวันที่ 8 ม.ค. และประมาณวันที่ 10 ม.ค. วัตถุ ดิบจะส่งให้กับ อภ.ได้

วัตถุดิบพาราเซตามอลจำนวน 148 ตันที่แลกเปลี่ยนกับบริษัทในประเทศจีนนั้น ทาง อภ.ได้หารือกับโรงงานเภสัชกรรมทหาร (รภท.) ศูนย์การอุตสาหกรรมป้องกันประเทศและพลังงานทหาร สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ซึ่งเคยผลิตยาพาราเซตามอลให้ อภ.อยู่แล้ว โดยทาง อภ.คงขอให้ รภท.ช่วยผลิตให้ ส่วนสถานที่เก็บวัตถุดิบ 148 ตันนั้น คาดว่าน่าจะเป็นที่บริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด ถนนแจ้งวัฒนะเหมือนเดิม เพราะ อภ.เช่าที่ดังกล่าวอยู่แล้ว จากนั้นจะทยอยส่งให้ รภท.เป็นเดือน ๆ ไป เพราะ รภท.ก็มีที่เก็บไม่มาก

นอกจากเรื่องวัตถุดิบพาราเซตามอลแล้ว นพ.สุวัช ยังได้ให้ข้อมูล กรณีโรงงานวัคซีนไข้หวัดใหญ่/ไข้หวัดนกในระดับอุตสาหกรรม ที่ ต.ทับกวาง อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ที่ยังก่อสร้างไม่เสร็จว่า ต้องใช้งบประมาณอีก 60 ล้านบาท เป็นงบประมาณของ อภ. แต่อำนาจอนุมัติเป็นของ ครม. ซึ่ง นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี ประธานกรรมการองค์การเภสัชกรรม(บอร์ด อภ.) ให้ทำเรื่องถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พิจารณาอนุมัติ ในส่วนของ อภ.ได้ทำหนังสือแจ้งไปยังกระทรวงสาธารณสุขแล้ว ตามกระบวนการทางกระทรวงสาธารณสุขต้องนำเสนอ รมว.สาธารณสุขเพื่อนำเสนอ ครม. ต่อ

โรงงานผลิตยาต้านไวรัสเอชไอวี ถนนรังสิตนครนายก คลองสิบ จ.ปทุมธานี ขณะนี้ได้เชิญ ผู้รับเหมามารับแบบไปแล้ว แต่เนื่องจากมีรายละเอียดมาก อาจจะต้องใช้เวลาให้บริษัทมายื่นประมาณวันที่ 9 ม.ค. 2557 ตอนนี้เหลืองานอีกไม่มากเป็นเรื่องทางเทคนิค

ส่วน โรงงานแมสโปรดักซ์ชั่น ที่ถนนพระราม 6 ที่ก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่เครื่องจักรยังไม่สมบูรณ์ ตอนนี้เปิดได้ประมาณ 30-40 เปอร์เซ็นต์ คาดว่าน่าจะเสร็จสมบูรณ์ประมาณเดือนเม.ย.2557 ล่าสุดได้รับรายงานว่า เครื่องจักรต่าง ๆ จะมีช่างจากประเทศจีนมาดูให้

อย่างไรก็ตาม อภ.จะพัฒนาการผลิตไปสู่สากล ให้มีคุณภาพตามหลักเกณฑ์ PIC/S GMP เข้าใจว่าปี 2557 โรงงานที่รังสิตน่าจะเสร็จ เมื่อเสร็จแล้วได้มาตรฐาน PIC/S GMP  จะทำให้การผลิตยาของ อภ.ได้มาตรฐานมากขึ้น และเป็นโอกาสในการพัฒนาศักยภาพไปแข่งขันกับทางประเทศต่าง ๆ ในอาเซียนได้ เพราะปี 2558 จะมีการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ดังนั้นการเสนอขายยาตัวใหม่ ๆแหล่งผลิตต้องได้มาตรฐานสากล ดังนั้นโรงงานรังสิตที่เสร็จแล้วน่าจะได้มาตรฐานสากล และเป็นตัวการันตีว่า อภ.สามารถแข่งขันในอาเซียนได้ รวมทั้งจะหาภาคีเครือข่ายเพื่อนำผลิตภัณฑ์ของ อภ.ไปนำ เสนอด้วย แม้ว่ายอดในปีที่ผ่านมาในอาเซียนของ อภ.จะยังมียอดไม่เยอะประมาณ 28 ล้านบาท แต่เข้าใจว่าใน 1-2 ปีนี้ตัวเลขคงเพิ่มมากกว่านี้.

ที่มา--เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 4 ม.ค. 2557 (กรอบบ่าย)--