ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

สช.หนุนประชาคม-ปลัดสาธารณสุขแสดงจุดยืนการเมือง ลั่น ขรก.ต้องรับใช้แผ่นดินไม่ใช่นักการเมือง "หมอประดิษฐ" ถกด่วนบิ๊กสธ.แจง 13-25 ม.ค.ลาหยุดได้แต่ต้องมีเหตุผล

จากกรณีประชาคมสาธารณสุขออกแถลงการณ์ ฉบับที่ 3 ใจความสำคัญคือ ปฏิเสธอำนาจรัฐ เรียกร้องให้มีการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง พร้อมกับมีกระแสข่าวว่า ในวันที่ 13 มกราคม จะร่วมออกเดินขบวนกับกลุ่ม กปปส. ส่งผลให้รัฐบาลแสดงความไม่พอใจพร้อมทั้งสั่งสอบปลัดกระทรวงสาธารณสุขถึงพฤติการณ์ที่ไม่เหมาะสมต่อการทำหน้าที่ของข้าราชการ ทำให้เกิดปฏิกิริยาหลากหลายกับการแสดงจุดยืนที่ชัดเจนของประชาคมสาธารณสุขครั้งนี้

นพ.อำพล จินดาวัฒนะ เลขาธิการสำนักงานสุขภาพแห่งชาติ (สช.) กล่าวถึงกรณีที่มีการเผยแพร่ข้อความผ่านโซเชียลมีเดียเกี่ยวกับการนัดหมายเข้าร่วมเดินขบวนกับ กปปส. ในวันที่ 13 มกราคม ว่า การรวมตัวนั้นเป็นเรื่องของเครือข่ายรณรงค์ต่อต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม 5 เครือข่าย อาทิ เครือข่ายปฏิรูปประเทศไทย เครือข่ายคนรักประเทศไทย และเครือข่ายคนรักสุขภาพ ยืนยันว่า เป็นเรื่องของเครือข่าย ไม่เกี่ยวกับ สช. เพราะถือเป็นการแสดงออกทางการเมือง

"ที่มีการนัดรวมตัวที่ สช. เวลา 08.30 น. เพื่อเคลื่อนขบวนร่วมกับ กลุ่ม กปปส.ที่บริเวณห้าแยกลาดพร้าว และจะมีการตัดน้ำ ตัดไฟทั้งกระทรวงสาธารณสุข รวมทั้งปิดประตูรั้วนั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ไม่เคยมีการพูดถึงเรื่องนี้และไม่สนับสนุนมาตรการใช้ความรุนแรงทำให้คนอื่นเดือดร้อน" นพ.อำพล ระบุและว่า สช.ยืนยันยังทำงานตามปกติ ไม่ได้ให้หยุดงานแต่อย่างใด คงมีเพียงการจัดประชุมสมัชชาสุขภาพแห่งชาติเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ทางการเมืองจนต้องเลื่อนการประชุมออกไปจากเดือนธันวาคม 2556 ไปเป็นเดือนมีนาคม 2557

เลขาธิการ สช.ยังได้กล่าวถึงการตั้งกรรมการสอบ นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุขว่า การแสดงจุดยืนทางการเมืองของปลัดเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เพราะข้าราชการไม่ได้เป็นขี้ข้าของนักการเมืองจะสั่งให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้ไม่ได้ เพราะข้าราชการจะต้องรับใช้แผ่นดิน จะต้องรู้ว่าอะไรถูกอะไรผิดได้ในภาวะบ้านเมืองระบอบนี้ ไม่ใช่ภาวะที่ใครมีอำนาจเหนือใคร หรือใช้อำนาจบาตรใหญ่มาข่มขู่ใคร ดังนั้น การที่คิดจะทำอะไรกับปลัดกระทรวงสาธารณสุข รวมทั้งการไม่ให้ข้าราชการลาหยุดก็สะท้อนถึงการใช้อำนาจบาตรใหญ่อยู่ตลอด รวมทั้งสิ่งที่ประชาชนเรียกร้องแต่รัฐบาลชุดนี้ไม่ได้ตระหนักอะไรเลย ยังมีความพยายามในการใช้อำนาจขัดขวางอีก

"ในฐานะที่ผมเป็นอดีตข้าราชการเก่าระดับ 11 ของกระทรวงขอให้กำลังใจปลัดและประชาคมสาธารณสุขเพราะทำในสิ่งที่ถูกต้อง และชื่นชมความกล้าหาญ ที่ทำให้เห็นว่าอย่างน้อยข้าราชการกระทรวงสาธารณสุขมีความกล้าหาญทางคุณธรรมและจริยธรรม" นพ.อำพล กล่าวทิ้งท้าย

ส่วนที่สำนักปลัดกระทรวงสาธารณสุข เช้าวันเดียวกัน นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้เรียกประชุมด่วนผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงสาธารณสุข เกี่ยวกับระเบียบปฏิบัติของข้าราชการพลเรือน ในช่วงที่จะมีการชุมนุมทางการเมือง โดยมีอธิบดีกรมทุกกรม เข้าร่วม ยกเว้น นพ.ณรงค์ และนพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย

นพ.ประดิษฐ เปิดเผยถึงการออกหนังสือด่วนที่สุดซึ่งระบุว่าขอให้ข้าราชการและบุคลากรกระทรวงสาธารณสุข ห้ามลา ห้ามขาดระหว่างวันที่ 13-25 มกราคม โดยยืนยันว่า ไม่ได้ออกมาเพื่อลิดรอนสิทธิในการแสดงออกทางการเมือง แต่เนื่องจากเราเป็นหน่วยแพทย์จึงไม่ควรหยุด อยากให้ช่วยกันดูแลประชาชนให้มาก และดูแลสถานที่ราชการให้ปลอดภัยในสถานการณ์ความชุลมุนเพราะเกรงว่าจะมีมือที่สาม อย่างไรก็ตามข้าราชการ บุคลากรยังสามารถลาหยุดได้แต่ขอให้มีเหตุผลที่สมควร ให้ใช้วิจารณญาณ

"คำสั่ง 2 ข้อไม่มีอะไร เราทำตามกฎหมาย ยืนยันว่าไม่ได้ลิดรอนสิทธิในการแสดงออกทางการเมือง เพราะว่าสิทธิทางการเมืองสามารถแสดงออกได้หลายวิธี อยู่ที่บ้านก็แสดงออกได้ ไม่ได้ขัดขวาง และยังสามารถลาหยุดได้แต่ต้องมีเหตุผล ให้ใช้วิจารณญาณ หากใครขาดงานโดยไม่มีเหตุผลนั้นอันนี้ยังไม่ได้พิจารณาว่าจะสอบสวนทางวินัยหรือไม่ เพราะเป็นเรื่องของอนาคต" นพ.ประดิษฐ ยืนยัน

รมว.สาธารณสุข ยังได้กล่าวถึงกรณีที่ ศอ.รส.เรียกสอบวินัย นพ.ณรงค์ ว่า ถือเป็นขั้นตอนเบื้องต้นตามปกติเพื่อที่จะสอบถามว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ไม่อยากให้ใช้คำว่าเป็นการตั้งคณะกรรมการสอบวินัย เนื่องจากหากปลัดกระทรวงสาธารณสุขได้ชี้แจงแล้วว่าเรื่องราวไม่ได้มีอะไรก็ถือว่าจบ แต่ถ้าปลัดตอบว่าเป็นเรื่องจริงตามที่ข่าวออกมาการสอบก็จะเป็นไปในอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการนัดหมายให้ นพ.ณรงค์เข้ามาให้ข้อมูล

"ผมไม่รู้จริงๆ ว่ามีใครเป็นสมาชิกบ้าง แต่อย่างที่เคยบอกไปแล้วว่า ประชาคมสาธารณสุขไม่ใช่ตัวแทนของบุคลากรกระทรวงสาธารณสุขทั้งหมด" นพ.ประดิษฐ กล่าวตอบข้อถามถึงการออกแถลงการณ์ในนามของประชาคมสาธารณสุขที่ออกมาขับไล่รัฐบาล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในงานเลี้ยงปีใหม่ข้าราชการ บุคลากร ประจำสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ประจำปี 2557 เมื่อค่ำวันที่ 10 มกราคม ที่ผ่านมา นพ.ณรงค์ได้ขึ้นกล่าวบนเวทีตอนหนึ่งว่า วันนี้มีโทรศัพท์เข้ามาประมาณ 200 สาย ตนไม่ได้รับทุกสายเพราะอยากจะนั่งทบทวนสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นตลอด 2-3 วันที่ผ่านมา จนได้สัจธรรมบางอย่างแล้ว อย่างไรก็ตาม อยากบอกว่าในวันนี้มีความสบายใจที่สุดในชีวิต ยิ่งตลอด 2 เดือน ที่ไปอยู่ รพ.สงฆ์ทุกวันก็ได้คิดเรื่องต่างๆ มากมาย ล่าสุดมีการประชุมประชาคมสาธารณสุขเมื่อวันที่ 9 มกราคม ที่ผ่านมา ทำให้รู้สึกสบายใจยิ่งขึ้น ประกอบกับมีอดีตผู้ใหญ่ได้ส่งข้อความมาหา และฝากชื่นชมชาวสาธารณสุขทุกคน

"ผมได้ตอบกลับข้อความอาจารย์ผู้ใหญ่ท่านนั้นว่า กราบขอบคุณ และบอกว่าผมจะธำรงไว้ซึ่งศักดิ์ศรีของปลัดกระทรวงสาธารณสุข และการเป็นข้าราชการ" คำกล่าวตอนหนึ่งของปลัดกระทรวงสาธารณสุข

ด้าน พญ.อุทุมพร กำภู ณ อยุธยา ตัวแทนประชาคมสาธารณสุข กล่าวภายหลังการประชุมประชาคมสาธารณสุขที่มีตัวแทนของแต่ละชมรมวิชาชีพกว่า 30 คนเข้าร่วม ว่า จากการหารือเห็นว่า เนื่องจากปัญหาบ้านเมืองยังไม่มีทางออก ทางประชาคมสาธารณสุขจึงมองถึงทางออกและแถลงการณ์โดยเฉพาะฉบับที่ 3 ที่มีการโยงถึง นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุขนั้น ขอยืนยันว่า เป็นมติของที่ประชุม ไม่ใช่ความเห็นหรือการชี้นำของปลัดเพียงคนเดียว เพราะการทำงานที่ผ่านมาของปลัดมีทั้งทำตามนโยบายของรัฐบาลและการพัฒนาระบบสุขภาพของประเทศในหลายเรื่อง จึงถือว่าเป็นข้าราชการที่มีธรรมาภิบาลอย่างชัดเจน

สำหรับมติที่ประชุมวันนี้ (11 ม.ค.) ยืนยันว่า 1.ประชาคมสาธารณสุขจะทำงานภายใต้บัญชาการของปลัด เนื่องจากเป็นผู้บังคับบัญชาโดยชอบธรรม และ 2.ขอคัดค้านการแทรกแซงของฝ่ายการเมืองที่จะเกิดขึ้นกับกระทรวงสาธารณสุข โดยวันที่ 12 มกราคม ประชาคมสาธารณสุขจะชุมนุมที่สำนักปลัดร่วมแสดงจุดยืนเคียงข้างปลัดอย่างเต็มที่ ส่วนการเข้าร่วมชุมนุมกับ กปปส.ในวันที่ 13 มกราคม ประชาคมไม่ได้เป็นฝ่ายนัดหมาย แต่จะไปเข้าร่วมหรือไม่ถือเป็นสิทธิส่วนบุคคล และถ้าจะมารวมตัวกันโดยไม่ได้นัดหมายก็ไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดขึ้นไม่ได้

ขณะที่ นพ.บัวเรศ ศรีประทักษ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครสวรรค์ กล่าวกรณี รมว.สาธารณสุข มีคำสั่งด่วนที่สุดห้ามข้าราชการลาหยุดระหว่างวันที่ 13-25 มกราคม ว่า เห็นว่าเป็นคำสั่งของผู้ที่ไม่มีความเข้าใจเกี่ยวกับระเบียบการลาป่วย ลาคลอด ลากิจ ที่เป็นสิทธิส่วนบุคคล และคนที่จะมีสิทธิในการอนุญาตคือผู้บังคับบัญชาในภาคส่วนนั้น อาทิ ผอ.โรงพยาบาล ผอ.กอง โดยการลาแต่ละประเภทมีข้อกำหนดอยู่แล้ว

"ส่วนแถลงการณ์ฉบับที่ 3 ที่ระบุว่าจะไม่ทำงานกับรัฐบาลชุดนี้เพราะหมดความชอบธรรมนั้น ตรงนี้ต้องตีความ แท้จริงแล้วการไม่ทำงานกับรัฐบาลหมายความว่าเราจะไม่ยอมทำตามคำสั่งของรัฐบาลที่ไม่ถูกต้อง เราไม่เห็นด้วยก็ไม่ทำ แต่ถ้าเป็นคำสั่งเรื่องการปฏิบัติงานในหน้าที่ เช่น สั่งให้ระดมรถพยาบาลฉุกเฉินจากทั่วประเทศเข้ามาช่วยเหลือประชาชน อันนี้เราทำตาม 100% แน่นอน" นพ.บัวเรศ ชี้แจง

ที่มา: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก  วันที่ 12 มกราคม 2557