ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ไทยโพสต์ -นพ.โกมาตร จึงเสถียรทรัพย์ ผู้อำนวยการสำนักวิจัยสังคมและสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข

“ผมคิดว่าคนที่เป็นปลัดกระทรวงจะรู้ดีที่สุดว่านักการเมืองที่เข้ามาทำงานในกระทรวงเป็นอย่างไร และรัฐบาลเป็นอย่างไร เพราะเป็นคนที่ทำงานใกล้ชิดกับภาคการเมืองมากที่สุด

การที่ปลัดกระทรวงสาธารณสุขได้ออกมาแสดงจุดยืนทางการเมืองครั้งนี้จึงมีนัยสำคัญที่ทุกคนควรสนใจ

ผมรู้จักกับปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ตั้งแต่ที่ท่านเป็นนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดชล บุรี ในช่วงนั้น ผมเดินทางไปบรรยายเรื่องงานสุขภาพชุมชนเกือบทุกจังหวัดทั่วประเทศ และจดจำได้ว่าท่านเป็นนายแพทย์ สาธารณสุขจังหวัดคนเดียวที่มาร่วมประชุม นั่งฟัง (โดยแทบไม่ได้พูดอะไรเลยสักคำ) และตั้งใจทำความเข้าใจเรื่องสุขภาพชุมชนและการทำงานเชิงรุกร่วมกับเจ้าหน้าที่สถานีอนามัยทั้งวัน โดยไม่ลุกไปไหน

เมื่อครั้งที่ท่านได้รับการแต่งตั้งเป็นรองปลัดกระทรวง โดย "ข้ามหัว" รุ่นพี่ที่อาวุโสกว่า (แม้ว่าเรื่องฝีไม้ลายมือ ท่านจะไม่ได้ด้อยกว่าเลย) ท่านก็ตัดสินใจขอย้ายเพื่อลดตำแหน่งตัวเอง

เพราะกลัวว่าจะเกิดความขัดแย้งแตกแยกกันและทำให้ราชการส่วนรวมเสียหาย

ผมเฝ้าสังเกตทิศทางงานสาธารณสุขที่ผ่านมา งานที่ทำ ส่วนมากเป็นนโยบายจากรัฐมนตรี ที่เน้นนโยบายการแพทย์เชิงพาณิชย์ มีการปลดหมอวิฑิต ผู้อำนวยการองค์การเภสัชฯ ที่เป็นผู้บุกเบิกการผลิตยาต้านเอดส์จนคนไข้ได้รับการรักษาเป็นหมื่นเป็นแสนคน มีการเรียกร้องเงินจากองค์การเภสัชฯ เพื่อเอาไปเป็นทุนการศึกษาต่างประเทศให้คนใกล้ชิด โดยไม่มีกรรมการคัดเลือก มีการแทรกแซงการบริหารการเงิน ของ สปสช. มีการรวบอำนาจเข้าส่วนกลางแทนที่จะกระจาย อำนาจสู่ท้องถิ่น มีนโยบายเมดิคัล ฮับ ให้เอกชนมาแสวงประโยชน์จากระบบบริการภาครัฐ มีการตั้งศูนย์ไกล่เกลี่ย ความขัดแย้งให้กับผู้ป่วยต่างชาติที่เข้ามารักษาในประเทศ ไทย (แต่ผู้ป่วยไทยไม่ได้ประโยชน์เช่นนั้น) ในขณะที่งานสุขภาพชุมชนและบริการปฐมภูมิหมดความสำคัญและตกต่ำที่สุดในรอบสิบปีที่ผ่านมา ฯลฯ

ผมไม่ทราบว่าปลัดกระทรวงสาธารณสุขต้องอดทนกล้ำกลืนกับทิศทางการพัฒนาที่ทำลายระบบสาธารณสุขมูลฐานด้วยความเจ็บปวดแค่ไหน เพราะท่านเองก็เติบโตมา จากหมอบ้านนอก รักพี่น้องหมออนามัย และเข้าใจงานสาธารณสุขมูลฐาน ซึ่งข้อนี้หมออนามัยที่จังหวัดพิจิตรต่างก็รู้กันดี

ผมอยากใช้โอกาสนี้แสดงความเคารพต่อ นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ผมไม่ได้เห็นด้วยกับข้อเรียกร้องในคำแถลงการณ์ทั้งหมด เพราะหลายเรื่องมีความซับซ้อนและมองได้หลายมุมมอง แต่ผมชื่นชมและเคารพในความกล้าหาญทางจริยธรรมที่ท่านได้แสดงออก

เพราะคนที่ดำรงตำแหน่งสูงสุดในกระทรวงอย่างท่าน หากขาดเสียซึ่งเกียรติภูมิและขาดการเคารพในศักดิ์ศรีแห่งตนแล้ว คงไม่เอาอนาคตทางราชการออกมาสุ่มเสี่ยงแสดงความคิดเห็นอย่างนี้ และหลังจากนี้ไป ท่านคงจะต้องเผชิญกับแรงกดดันต่างๆ มากมาย ผมได้แต่หวังให้ท่านมีพลังที่จะยืนหยัดและขอให้ประชาคมสาธารณสุขเป็นกำลังใจให้กับท่าน

ขอชื่นชม ขอแสดงความเคารพ และขอเก็บความรู้สึกที่ดีนี้ไว้ในใจตลอดไปครับ”

ที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ วันที่ 14 มกราคม 2557