ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เผยผลตรวจสอบคุณภาพถุงยางอนามัย ปี 2556 พบได้มาตรฐาน 100% แนะเลือกซื้อถุงยางอนามัยที่มี อย. และตรวจสอบวันหมดอายุ ชี้ไม่ควรซื้อมาเก็บไว้นานๆ หรือเก็บในรถ กระเป๋า ระวังการกดทับ ทำถุงยางอนามัยอาจฉีกขาด เสี่ยงติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์หรือการตั้งครรภ์ได้

เมื่อวันที่ 13 ก.พ. 57 นายแพทย์อภิชัย มงคล อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุขเปิดเผยว่า จากการสำรวจของโพลต่างๆ พบว่าในปัจจุบันเยาวชนมีเพศสัมพันธ์เร็วขึ้น และมีอัตราการติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะโรคเอดส์ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าว เพราะนอกจากปัญหาการมีเพศสัมพันธ์ โดยไม่มีการป้องกันแล้ว ปัญหาการใช้ถุงยางอนามัยที่ไม่ได้มาตรฐาน เป็นอีกกรณีหนึ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงในการติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์ และการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ จึงได้ดำเนินการคุ้มครองผู้บริโภค โดยสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยของการใช้ถุงยางอนามัย และให้บริการตรวจสอบคุณภาพถุงยางอนามัยที่วางจำหน่ายในท้องตลาด ในปี 2556 กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ โดยสำนักรังสีและเครื่องมือแพทย์ ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา สุ่มเก็บตัวอย่างถุงยางอนามัยจากร้านขายยา ผู้แทนจำหน่าย ผู้ผลิต โรงพยาบาล สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด หน่วยงานอื่นๆ และตัวอย่างที่ส่งจากกรมควบคุมโรค รวม 357 ตัวอย่าง เพื่อตรวจสอบคุณภาพด้านความดันและปริมาตรขณะแตกของถุงยางอนามัย พบว่า มีคุณภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน มอก. 625-2554 ร้อยละ 100

"ถุงยางอนามัยเป็นผลิตภัณฑ์ชนิดแรกที่ประกาศเป็นเครื่องมือแพทย์ตามพระราชบัญญัติเครื่องมือแพทย์ พ.ศ. 2551 (เดิม พ.ศ. 2531) ซึ่งประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องถุงยางอนามัย พ.ศ. 2556 (ฉบับแรก พ.ศ. 2532) กำหนดให้มีมาตรฐานและข้อกำหนดตาม มอก. 625-2554 หรือ ISO 4074 เป็นการทดสอบคุณภาพถุงยางอนามัยทางกายภาพ/กล และใช้มาตรฐาน มอก. 465 หรือ ISO 2859-1 สำหรับการชักตัวอย่างและเกณฑ์การยอมรับชิ้นบกพร่อง ถุงยางอนามัยเป็นเครื่องมือแพทย์ ที่ต้องมีใบอนุญาตการผลิตหรือนำเข้าและต้องมีการตรวจสอบคุณภาพทุกรุ่นก่อนออกจำหน่ายในท้องตลาด โดยห้องปฏิบัติการของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ถ้าพบว่าถุงยางอนามัยรุ่นผลิตใดไม่เข้ามาตรฐาน ผู้ผลิตและผู้นำเข้าจะไม่สามารถนำออกจำหน่ายได้" อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าว

นายแพทย์อภิชัยกล่าวอีกว่า ขอแนะนำวิธีการสังเกตและข้อระวังในการใช้ถุงยางอนามัยว่า ประชาชนควรเลือกซื้อถุงยางอนามัยที่มีเลขใบอนุญาตเครื่องมือแพทย์ ซึ่งรับรองจาก อย. ไม่ควรซื้อถุงยางอนามัยมาเก็บไว้นานๆ สังเกตดูวันหมดอายุ การเก็บรักษาควรเก็บถุงยางอนามัยในที่แห้ง เย็น ไม่ถูกแสงแดดหรือแสงฟลูออเรสเซนต์ ไม่ควรเก็บถุงยางอนามัยไว้ในช่องเก็บของรถยนต์ กระเป๋าใส่ธนบัตร กระเป๋ากางเกงด้านหลัง ระวังการกดทับ เพราะจะทำให้ถุงยางอนามัยรั่วหรือฉีกขาดได้ นอกจากนี้ควรเลือกใช้สารหล่อลื่นที่ละลายในน้ำหรือซิลิโคน ออยล์ เช่น K-Y jelly และกลีเซอรีน เป็นต้น ไม่ควรใช้สารหล่อลื่นที่มีน้ำมันเป็นตัวทำละลาย เช่น เบบี้ออยล์ ปิโตรเลียม เจลลี น้ำมันปรุงอาหาร ซึ่งมีความเสี่ยงในการทำลายคุณภาพถุงยางอนามัย ทำให้ถุงยางอนามัยรั่วหรือแตกขาดง่ายขึ้น