ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

บรัสเซลส์ * เบลเยียมกำลังจะกลายเป็นประเทศแรกในโลกที่กฎหมายอนุญาตให้ผู้ป่วยระยะสุดท้ายทุกวัย รวมถึงเด็กเล็ก กระทำการุณยฆาตได้ เมื่อสภาผู้แทนราษฎรลงมติเห็นชอบเมื่อวันพฤหัสบดีภายหลังการอภิปรายอย่างดุเดือด ท่ามกลางการทักท้วงถึงความสามารถของเด็กในการตัดสินใจยุติชีวิต

สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเบลเยียมลงมติเห็นชอบร่างกฎหมายด้วยคะแนน 86 ต่อ 44 เสียง โดยมี ส.ส. 12 รายงดออกเสียง แม้ว่าก่อนหน้านั้นฝ่ายคัดค้านจะพยายามเรียกร้องไม่ให้ผ่านกฎหมายนี้ก็ตาม คริสตจักรคาทอลิกซึ่งเป็นศาสนาของประชากรส่วนใหญ่ในประเทศนี้กล่าวว่า กฎหมายยกเลิกการจำกัดอายุการการุณยฆาตฉบับนี้ "เลยเถิดไปใหญ่" กุมารแพทย์บางคนกล่าวด้วยว่า การแพทย์ปัจจุบันมีความก้าวหน้ามากด้านการบรรเทาความเจ็บปวด

กฎหมายนี้ทำให้เบลเยียมเป็นประเทศที่สองในโลกต่อจากเนเธอร์แลนด์ที่อนุญาตให้กระทำการุณยฆาตผู้ป่วยเด็กได้ แต่กฎหมายเนเธอร์แลนด์นั้นยังจำกัดอายุไว้ที่ 12 ปีขึ้นไป ขณะที่เบลเยียมไปไกลกว่าด้วยการไม่จำกัดอายุ เพียงระบุว่าผู้ป่วยเด็กที่ไม่สามารถรักษาได้อาจร้องขอให้ยุติความทุกข์ทรมานของตนได้หากยัง "มีสติ" และมี "ความสามารถในการตัดสินใจได้ดี"

การอภิปรายอย่างสะเทือนอารมณ์ก่อนการลงมติเมื่อวันพฤหัสบดีเกิดเหตุการณ์วุ่นวายเมื่อชายคนหนึ่งร้องตะโกนคำ "ฆาตกร" เป็นภาษาฝรั่งเศส จนถูกนำตัวออกไปจากห้องประชุม

แครีน ลาลีเยอร์ ส.ส. พรรคสังคมนิยม อภิปรายก่อนการลงมติว่า กฎหมายฉบับนี้ไม่ใช่เรื่องการออกกฎหมายให้การุณยฆาตได้ทุกคน แต่เป็นการอนุญาตให้เด็กไม่ต้องทุกข์ทรมานกับความเจ็บปวด

เบลเยียมเป็น 1 ใน 3 ของชาติยุโรปที่มีกฎหมายอนุญาตให้การุณยฆาตคนวัยผู้ใหญ่ได้ ผลสำรวจเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้วเผยให้เห็นว่า ชาวเบลเยียมถึง 73% สนับสนุนการขยายกฎหมายการุณยฆาตให้ครอบคลุมถึงเด็กด้วย

อย่างไรก็ดี กฎหมายของเบลเยียมฉบับนี้ถูกวิจารณ์ในกรณีที่ไม่จำกัดอายุขั้นต่ำไว้สำหรับ "การตัดสินใจได้เอง"

ในการอภิปรายตอนหนึ่งของแดเนียล บักแลน ส.ส.ฝ่ายเสรีนิยม อ้างว่า สิทธิในการพิจารณาคำถามเกี่ยวกับชีวิตและความตายไม่อาจถูกจำกัดไว้ แค่ผู้ใหญ่เท่านั้น และวัยโดยชอบด้วยกฎหมายของเด็กนั้น ไม่ได้เหมือนกันกับวัยทางจิตใจ แต่ซงชา แบ็ก ส.ส.พรรคคริส เตียนเดโมแครต แย้งว่า "ความสามารถในการตัดสินใจได้ดี" ของเด็กยังเป็นแนวคิด "คลุม เครือ" อยู่ในพื้นที่สีเทา "แพทย์จะวินิจฉัยได้อย่างไรว่าเด็กมีความสามารถในการตัดสินใจได้ดี" ส.ส.หญิงทักท้วง

ส.ว.สังคมนิยม ฟิลิป มา อูว์ ผู้ร่างกฎหมายฉบับประวัติ ศาสตร์ของเบลเยียม "สิทธิที่จะ ตาย" เมื่อปี 2545 และมีอาชีพเป็นหมอด้วย เป็นผู้ผลักดันให้ขยายอายุครอบคลุมถึงผู้เยาว์ด้วย เพื่อเป็นกรอบปกป้องแพทย์ที่ช่วยสงเคราะห์ให้เด็กพ้นจากความเจ็บปวดไม่ให้ถูกดำเนินคดี

กฎหมายนี้เปิดทางสำ หรับความเป็นไปได้ในการการุณยฆาตเด็ก "ในสถานการณ์ที่ไร้ความหวังทางการแพทย์อย่างแน่นอนและต้องทนทุกข์ทรมานเกินทนอย่างไม่อาจทุเลาและจะทำให้เสียชีวิตในเวลาอันใกล้"

นอกจากผู้ป่วยเด็กระยะสุดท้ายซึ่งต้องมีสติตัดสินใจได้ดีแล้ว กฎหมายยังกำหนดว่าต้องมีแพทย์ให้คำปรึกษาและมีกุมารแพทย์หรือนักจิตวิทยารับรอง รวมถึงพ่อแม่ผู้ปกครองอนุมัติ

กฎหมายเดียวกันนี้เคย ผ่านวุฒิสภามาเมื่อเดือนธันวาคม ก่อนการลงมติเสียงข้างมากนั้น ส.ว.ได้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์และทนายความนับร้อยคน รวมถึงกลุ่มองค์กรที่เกี่ยวข้อง

ที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2557