ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

แนวหน้า - นายแพทย์อภิชัย มงคล อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า จากการสำรวจ ของโพลต่างๆ พบว่าในปัจจุบันเยาวชนมีเพศสัมพันธ์เร็วขึ้นและมีอัตราการติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะโรคเอดส์ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าวเพราะนอกจากปัญหาการมีเพศสัมพันธ์ โดยไม่มีการป้องกันแล้ว ปัญหาการใช้ ถุงยางอนามัยที่ไม่ได้มาตรฐาน เป็นอีกกรณีหนึ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงในการติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์และการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ จึงได้ดำเนินการคุ้มครองผู้บริโภคโดยสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยของการใช้ถุงยางอนามัยและให้บริการตรวจสอบคุณภาพถุงยางอนามัยที่วางจำหน่ายในท้องตลาด ในปี 2556 กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ โดย สำนักรังสีและเครื่องมือแพทย์ ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา สุ่มเก็บ ตัวอย่างถุงยางอนามัยจากร้านขายยา ผู้แทน จำหน่าย ผู้ผลิต โรงพยาบาล สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด หน่วยงานอื่นๆ และ ตัวอย่างที่ส่งจากกรมควบคุมโรค รวม 357 ตัวอย่าง เพื่อตรวจสอบคุณภาพด้านความดันและปริมาตรขณะแตกของถุงยางอนามัย พบว่า มีคุณภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน มอก. 625-2554 ร้อยละ 100

ทั้งนี้ขอแนะนำวิธีการสังเกตและ ข้อระวังในการใช้ถุงยางอนามัย ว่า ประชาชน ควรเลือกซื้อถุงยางอนามัยที่มีเลขใบอนุญาต เครื่องมือแพทย์ ซึ่งรับรองจาก อย. ไม่ควร ซื้อถุงยางอนามัยมาเก็บไว้นานๆ สังเกตดูวันหมดอายุ การเก็บรักษาควรเก็บถุงยางอนามัยในที่แห้ง เย็น ไม่ถูกแสงแดด หรือแสงฟลูออเรสเซนต์ ไม่ควรเก็บถุงยาง อนามัย ไว้ในช่องเก็บของรถยนต์ กระเป๋าใส่ธนบัตร กระเป๋ากางเกงด้านหลัง ระวังการกดทับ เพราะจะทำให้ถุงยางอนามัยรั่วหรือฉีกขาดได้ นอกจากนี้ควรเลือกใช้สารหล่อลื่นที่ละลายในน้ำหรือซิลิโคน ออยล์ เช่น K-า jelly และ กลีเซอรีน เป็นต้น ไม่ควรใช้สารหล่อลื่นที่มีน้ำมันเป็นตัวทำละลาย เช่น เบบี้ออยล์ ปิโตรเลียม เจลลี่ น้ำมันปรุงอาหาร ซึ่งมีความเสี่ยงในการทำลายคุณภาพถุงยางอนามัย ทำให้ถุงยางอนามัยรั่วหรือแตกขาดง่ายขึ้น

ที่มา: หนังสือพิมพ์แนวหน้า  วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2557