ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

สธ.เร่งพัฒนาระบบบริการรักษา-ป้องกันโรคไตครบวงจรใน 5 ปี พร้อมเพิ่มศูนย์รับบริจาคไต หลังผลการคาดการณ์คนไทยป่วยไตเรื้อรังประมาณ 8 ล้านคนแล้ว

นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึง สถานการณ์โรคไตของประเทศไทยว่า สมาคมโรคไต คาดการณ์ว่าขณะนี้คนไทยป่วยเป็นโรคไตเรื้อรังประมาณ 8 ล้านคนในจำนวนนี้เป็นผู้ป่วยอยู่ในระยะสุดท้าย 2 แสนคน มีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้นปีละประมาณ 10,000 คน รอการผ่าตัดเปลี่ยนไตใหม่ประมาณ 40,000 คน ได้รับการผ่าตัดปลูกถ่ายไตเพียงปีละ 400 รายเท่านั้น โดยใช้เวลารอประมาณ 3 ปี

ทั้งนี้ประเทศไทยมีผู้เสียชีวิตจากไตวายปีละ 13,000 กว่าคน ซึ่ง 1 ใน 3 อายุน้อยกว่า 60 ปี ผู้ป่วยไต 1 คนจะมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยอยู่ที่ 30,000 บาทต่อคนต่อเดือน เพราะต้องได้รับการฟอกไตด้วยวิธีฟอกเลือด หรือล้างไตผ่านหน้าท้อง ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูง ทำให้แต่ละปีต้องใช้งบประมาณถึง 3 พันล้านบาท และคาดว่าในปี 2560 อาจต้องใช้งบประมาณถึงกว่า 17,000 ล้านบาท โดยปัจจุบันภาครัฐให้สิทธิประชาชนทุกคนในการฟอกไตผ่านช่องท้องฟรี นอกจากนี้เมื่อป่วยยังทำให้คุณภาพชีวิตต่ำลง เสี่ยงการติดเชื้อแทรกซ้อน และไม่สามารถทำงานได้ตามปกติด้วย

ในการแก้ไขป้องกันปัญหาโรคไตวาย กระทรวงสาธารณสุขได้ร่วมกับภาคีเครือข่าย จัดทำแนวทางการพัฒนาเครือข่ายระบบบริการสาขาโรคไต มีเป้าหมายใน 5 ปี ตั้งแต่พ.ศ.2556-2560 เพื่อลดกลุ่มเสี่ยง ชะลอการเสื่อมของไตในผู้ป่วยไตเรื้อรังทุกระยะเพิ่มการเข้าถึงบริการโรคไตที่มีคุณภาพเสมอภาคทุกเครือข่าย และพัฒนาขีดความสามารถของโรงพยาบาล ให้สามารถผ่าตัดปลูกถ่ายไตและเป็นศูนย์รับบริจาคอวัยวะ

ทั้งนี้ ในปี 2557 ตั้งเป้าพัฒนาทั้ง 12 เขตบริการสุขภาพ อาทิ 1.ตรวจคัดกรองปัญหาไตวายในกลุ่มเสี่ยงสำคัญได้แก่ ผู้ป่วยโรคเบาหวาน โรความดันโลหิตสูง และโรคไต ครอบคลุมไม่ต่ำกว่าร้อยละ 70 และเพิ่มเป็นร้อยละ 90 ในปี 2558 2.จัดคลินิกดูแลผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง เพื่อรักษา ส่งเสริม ฟื้นฟูสภาพผู้ป่วย ในโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไปทุกแห่ง และขยายลงโรงพยาบาลทั่วไปขนาดเล็กและโรงพยาบาลชุมชนร้อยละ 50 3.เพิ่มหน่วยไตเทียมในโรงพยาบาลชุมชนขนาดใหญ่และมีความพร้อมให้ได้ร้อยละ 80 เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงบริการเร็วขึ้น ซึ่งปัจจุบันผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายรอคิวฟอกไตประมาณ 6 เดือน 4.ตั้งศูนย์รับบริจาคอวัยวะจากผู้ป่วยสมองตายที่รักษาในโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป อย่างน้อยภาคละ 1 แห่ง ตั้งเป้าในปี 2558 จำนวน 200 ราย

ในด้านการป้องกัน จะเน้น 2 กลุ่ม คือประชาชนทั่วไป มุ่งที่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคที่ไม่ถูกต้อง เนื่องจากปัจจุบันประชาชนบริโภคเกลือโซเดียมสูงกว่าที่ร่างกายต้องการถึง 2 เท่า เนื่องจากลักษณะการกินของคนไทยชอบกินอาหารรสจัด เติมเครื่องปรุงเพิ่ม ทั้งที่อาหารที่ซื้อกินทั่วไปมีการเติมเครื่องปรุงและผงชูรสลงไปอยู่แล้ว จึงเป็นเหตุให้ได้รับเกลือโซเดียมเพิ่ม และการป้องกันปัญหาไตวายในกลุ่มผู้ป่วยโรคเบาหวานและความดัน ซึ่งเป็นสาเหตุเกิดโรคไตวายประมาณร้อยละ 70 เนื่องจากปัญหาการเสื่อมเส้นเลือดฝอยในไต ทำให้เนื้อไตตาย ไม่สามารถขับของเสียออกมาทางปัสสาวะได้

นพ.ณรงค์กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับภาคีเครือข่าย ได้จัดสัปดาห์รณรงค์ลดการบริโภคเค็ม และสัปดาห์วันไตโลกระหว่างวันที่ 10-16 มีนาคม 2557 ที่โรงพยาบาลทุกแห่งทั่วประเทศ เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนตระหนักถึงปัญหาโรคไต โดยกลุ่มเป้าหมายที่สำคัญคือเด็กวัยเรียน 6-14 ปี เน้นการพัฒนาศูนย์เด็กเล็กคุณภาพ จัดอาหารอ่อนหวาน มัน เค็ม ในกลุ่มวัยทำงาน ส่งเสริมให้มีองค์กรต้นแบบคือองค์กรไร้พุง รณรงค์ลดการกินเค็ม ส่วนในกลุ่มผู้ป่วยโรคไต โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคไตอื่นๆ เน้นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ ลดกินอาหารรสจัดทั้งหวาน มัน เค็ม