ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ผู้แทนอียูชมไทยดูแลแรงงานตามหลักมนุษยธรรม วางระบบหวังแก้ปัญหาการค้ามนุษย์แรงงานเด็ก เผยก่อนหน้านี้ "ต่างด้าว" ไม่กล้าเข้า รพ. เหตุไม่มีบัตรประจำตัว ก่อนสั่งให้ไม่ต้องตรวจบัตร จนได้รับคำชื่นชม แจงต่างชาติเล็งลงทุนผลิตยาในไทยเพิ่มด้วย

นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.ชาญวิทย์ ทระเทพ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุขได้ร่วมประชุมแลกเปลี่ยนกับ มร.เฆซุส มิเกล ซันส์ เอกอัครราชทูตหัวหน้าคณะผู้แทนสหภาพยุโรป หรือ อียู

นพ.ประดิษฐ กล่าวว่า ทางกระทรวงได้กำชับนโยบายการดูแลสุขภาพแรงงานต่างชาติในระบบประกันสุขภาพอยู่ในอัตราที่เป็นธรรมทั้งยังครอบคลุมครอบครัวของแรงงานต่างด้าวด้วย เพื่อให้กลุ่มคนเหล่านี้สามารถเข้าถึงบริการสุขภาพได้เพิ่มมากขึ้น จากมาตรการดังกล่าวสามารถแก้ปัญหาการค้ามนุษย์และการใช้แรงงานเด็ก ที่สำคัญยังช่วยสร้างสัมพันธภาพที่ดีกับประเทศเพื่อนบ้านถือเป็นการแก้ไขปัญหาในระยะยาวอีกด้วย

นพ.ประดิษฐ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้จากสถิติแรงงานต่างชาติในประเทศไทยมีตัวเลขอย่างไม่เป็นทางการประมาณ 5 ล้านคน และยังมีชาวต่างชาติลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายตามด่านพรมแดนที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้านอีกจำนวนมากในแต่ละวัน ดังนั้นกลุ่มบุคคลต่างด้าวเหล่านี้จึงขาดความคุ้มครองการดูแลค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลจากระบบประกันสังคม เพราะไม่กล้าเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลเนื่องจากเกรงกลัวถูกดำเนินคดีข้อหาลอบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย

"ที่ผ่านมาทางกระทรวงสาธารณสุขได้ออกมาตรการอนุญาตให้โรงพยาบาลของรัฐให้การรักษาพยาบาลผู้ป่วยต่างชาติได้เพื่อให้เป็นไปตามหลักมนุษยธรรมและสิทธิมนุษยชน โดยไม่จำเป็นต้องแสดงหลักฐานบัตรประจำตัวเพื่อสร้างความสะดวกแก่บุคคลต่างด้าว ซึ่งคณะผู้แทนสหภาพยุโรปกล่าวชื่นชมประเทศไทย" นพ.ประดิษฐ กล่าวนพ.ประดิษฐ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้คณะ ผู้แทนอียูยังได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ในด้านการพัฒนานโยบายการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ โดยเราได้ตอกย้ำว่าประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า จึงจำเป็นต้องมีการวางแผนรองรับการดูแลประชากรผู้สูงอายุไว้ล่วงหน้า และทางอียูยังได้ร่วมหารือถึงโอกาสของการลงทุนในอุตสาหกรรมผลิตยาชื่อสามัญหรือยา เจนเนอริค (Generic) ในประเทศไทย เพราะเห็นว่าประเทศไทยมีนโยบายส่งเสริมการผลิตยาที่มีคุณภาพและราคาประหยัด