ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ไทยโพสต์ - นับจากปีใหม่เป็นต้นมา จนจะล่วงเข้าเดือนที่ 5 ของปีเข้าไปแล้วที่ นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ต้องระหกระเหินไปตั้งออฟฟิศส่วนตัวอยู่ที่ไหนก็ยังไม่มีใครรู้ เพราะบนชั้น 4 สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขที่ซินแสมาเช็กฮวงจุ้ยก่อนเข้ารับตำแหน่งใหม่ๆ ก็อยู่ไม่ได้

ด้วยเหตุความสัมพันธ์กับปลัดกระทรวงในไส้ไม่หวานเหมือนเก่าก่อน เพราะตีตัวออกห่าง กระด้างกระเดื่องเลือกเดินคนละข้างกับรัฐบาลจนต้องออกไปตั้งโต๊ะ ตั้งเก้าอี้กันที่กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก แต่คล้อยหลังไม่นานกลับไร้ร่องรอยไม่รู้ว่าท่านไปพำนักอยู่ที่ไหน

งานบริหารของกระทรวงสาธารณสุขก็ตกมาอยู่ในมือของข้าราชการประจำกันหมด จะเห็นที่ท่านเข้าร่วมมิขาดเลยก็มีแต่การประชุมบอร์ดคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ หรือ สปสช. และก็พอได้ติดตามถามข่าวท่านบ้างผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัวก็จะเห็นท่านเดินทางไปที่โรงพยาบาลนั้นบ้าง โรงพยาบาลนี้บ้าง ประเทศนั้นบ้าง ประเทศนี้บ้าง

เรียกได้ว่า สถานภาพของความเป็นรัฐมนตรีรักษาการที่ไม่สามารถคอนโทรลอะไรได้เหมือนเดิม เพราะนอกจากปลัดน้องรักแล้ว ข้าราชการชั้นผู้น้อย ชั้นผู้ใหญ่ในกระทรวงสาธารณสุขต่างตบเท้าออกมาประกาศจุดยืนชัดเจนว่าไม่เอารัฐบาลโกงประชาชน

และประณามความรุนแรงทุกรูปแบบที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตประชาชนด้วยการขึ้นป้ายตัวโตๆ เอาไว้หน้าสถานพยาบาล หน่วยงาน จนเป็นชนวนเหตุให้มีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งเดือดเนื้อร้อนใจไล่รื้อ ไล่ถอน รุนแรงถึงขั้นวางระเบิด ข่มขู่ ทำร้ายเจ้าหน้าที่ของสถานพยาบาลเหล่านั้นราวกับบ้านเมืองไม่มีขื่อมีแปผลจากการกระทำตรงนี้ตรงกับข้อห่วงใยของบุคลากรด้านสาธารณสุขอีกหลายๆ คนที่ไม่เห็นด้วย และเกรงว่าการประกาศจุดยืนของ "นพ.ณรงค์" จะเป็นผลร้ายกลายเป็นว่าลากเอาสถานพยาบาลเข้าสู่สนามความรุนแรง นำพากระทรวงเข้าสู่ยุคเสื่อม

ทางที่ดีที่เหมาะที่ควรคือ ปลัดฯ ผู้ซึ่งเป็นผู้นำสูงสุดของข้าราชการในกระทรวงควรวางตัวเป็นกลางทางการเมือง    ตามระเบียบปฏิบัติของข้าราชการ อย่างที่ก็พอจะมองเห็นผู้บริหารหลายๆ คน หลายๆ หน่วยงาน ที่นิ่งเฉย วางเฉยกับสถานการณ์

โดยยกเรื่องข้าราชการต้องมีความเป็นกลางทางการเมืองขึ้นมาเป็นเหตุผลหลัก

ขณะที่ "หมอณรงค์" ไม่ก้มหัวให้ความไม่ถูกต้อง โดยระบุว่า "ความเป็นกลางคืออะไร เพราะส่วนตัวเขาบอกว่าเลือกที่จะอยู่ข้างประชาชน เลือกที่จะอยู่ข้างความถูกต้อง ความเป็นกลางคือไม่เอาโรงพยาบาลไปสนับสนุนพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่สิ่งที่กำลังจะบอกคือไม่เอาความรุนแรง ไม่เอาทุจริต คอร์รัปชัน นี่คือสิ่งที่ส่งสัญญาณบอกกับประชาชนในฐานะที่เป็นหน่วยงานที่อยู่ใกล้ประชาชน"

ขณะที่ข้อกล่าวหาสำคัญที่บอกว่าเป็นคนลากเอาสถานพยาบาลต่างๆ ให้เข้ามาอยู่ในภาวะอันตรายนั้น นพ.ณรงค์ได้แต่ส่ายหัวก่อนจะถามกลับอีกทีว่า ตรรกะของเรื่องนี้คืออะไร "แทนที่คนก่อความรุนแรงจะเป็นคนผิด เหตุไฉนคนผิดจึงกลายเป็นคนประกาศไม่เอาความรุนแรง ไม่เอาคอร์รัปชัน"

"ตกลงคนที่ทำผิดคือคนที่ทำความรุนแรง หรือคนผิดคือคนที่แสดงออกว่าไม่เอาความรุนแรง สังคมคิดอะไร กลายเป็นมาบอกว่าที่เกิดความรุนแรง เพราะเราไปขึ้นป้าย ทำไมไม่บอกว่าคนที่มาทำความรุนแรง คนที่มาวางระเบิด คนพวกนั้นคือคนถูกอย่างนั้นหรือ ทำไมไม่บอกว่าเขาผิด ทำไมไม่เห็นมีการไปจับเขาเลย ตรรกะคืออะไร"

ด้วยความยึดมั่น ถือมั่น ในการประกาศจุดยืนเคียงข้างประชาชน ไม่เอาคอร์รัปชัน ไม่เอาความรุนแรง จึงถูกผู้ใหญ่ในศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย หรือ ศอ.รส. ประกาศข่มขู่ คาดโทษ โดยอ้างเหตุผลว่าเป็นปลัดกระทรวงเพียงคนเดียวที่ไม่เข้าร่วมประชุมเรื่องสำคัญในการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการ ถือว่าผิดวินัย กระด้างกระเดื่อง แถมตบท้ายว่า นพ.ณรงค์เลือกข้างผิดเสียแล้ว

หากแต่งานนี้เรียกว่า ศอ.รส.ขู่ผิดคน เพราะเจ้าตัวยังไม่ได้มีความอนาทรร้อนใจกับคำขู่ดังกล่าว เพราะเชื่อมั่นว่าที่ผ่านมาได้ทำในสิ่งที่ถูกต้องตามหน้าที่ แต่หนังสือเชิญประชุมฉบับนั้นเป็นการดูถูกข้าราชการเหลือเกิน แต่หาก ศอ.รส.เห็นว่าผิดก็ว่าไปตามฐานความผิด ดำเนินการตามกฎระเบียบก็แล้วกัน

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำมานั้นแม้คนในกระทรวงสาธารณสุขจะไม่ได้เห็นด้วย ไม่ได้สนับสนุนทั้งหมด แต่เชื่อว่านี่คือหลักการประชาธิปไตยที่คนเห็นต่างกันได้ แม้ถูกข่มขู่ คุกคาม แต่ยังเชื่อในหลักการที่ถูกต้อง ที่ก็ไม่ได้ยืนโดดเดี่ยวเพียงลำพัง

อย่างน้อยก็ยังมีแถลงการณ์จากข้าราชการพลเรือนที่ออกมาร่วมกันประณามสิ่งที่ ศอ.รส.กำลังทำ เป็นสิ่งที่เกินจะรับได้ เป็นการกระทำที่ป่าเถื่อน ข่มขู่คุกคามคนที่เห็นต่างทางการเมือง ตรงข้ามกับหลักการประชาธิปไตยที่เรียกร้องมาตลอด

ท่ามกลางวิกฤติของบ้านเมือง ข้าราชการกระทรวงสาธารณสุขพิสูจน์ให้ประชาชนคนไทยได้เห็นแล้วว่า ท้ายที่สุดประชาชนคนไทยยังมีที่พึ่ง เป็นแรงกระเพื่อมสำคัญส่งต่อขวัญกำลังใจให้ข้าราชการไทยทั่วประเทศลุกขึ้นมาต่อสู้ ปลดแอก จากนักการเมืองโกงกินชาติ

อิฐก้อนแรกอย่างปลัดณรงค์ จะทำให้อิฐก้อนอื่นๆ ข้าราชการคนอื่นๆ เหยียบยืนหยัดต่อสู้กับอธรรมอย่างไม่หวั่นกลัว แม้จะถูกคุกคาม ข่มขู่ ทุกรูปแบบ!

และนี่คือ "แสงสว่าง" ที่พอจะทำให้มองเห็นว่าวันนี้ข้าราชการทุกคนตื่นแล้วที่จะมาทำหน้าที่ของข้าราชการอย่างสมศักดิ์ศรี เป็นข้าราชการที่ทำงานให้กับแผ่นดิน

ที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์  วันที่ 22 เมษายน 2557