กทม.-มองโกเลียลงนามแลกเปลี่ยนด้านสธ.

คมชัดลึก - สภากรุงอูลานบาตอร์ ประเทศมองโกเลีย เยือนสภา กทม.ร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการโครงการแลกเปลี่ยนเยาวชนและการพัฒนาความร่วมมือด้านการสาธารณสุข เพื่อนำไปปรับใช้ในการบริหารและพัฒนาให้เกิดประโยชน์ต่อเมืองทั้งสองเมือง

นายพิพัฒน์ ลาภปรารถนา ประธานสภากรุงเทพมหานคร และนายบัลทูลก้า แดชแจม ประธานสภาประชาชน กรุงอูลานบาตอร์ ประเทศมองโกเลีย ได้ร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการโครงการแลกเปลี่ยนเยาวชนและการพัฒนาความร่วมมือด้านการสาธารณสุข โดยมีคณะสมาชิกสภากรุงเทพมหานครและสมาชิกสภากรุงอูลานบาตอร์ และผู้เกี่ยวข้องร่วมในพิธี

โดยประธานสภากรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ประเทศไทยและประเทศมองโกเลีย มีความสัมพันธ์อันยาวนาน โดยเมื่อวันที่ 5 มีนาคม ครบรอบ 40 ปี ของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างประเทศไทยกับประเทศมองโกเลีย นับเป็นสัญญาณที่ดีของการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยและประเทศมองโกเลียให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

สำหรับในระดับเมือง สภากรุงเทพ มหานคร และสภากรุงอูลานบาตอร์ได้สถาปนาความสัมพันธ์บ้านพี่เมืองน้องระหว่างกันมาเป็นเวลานานนับสิบปี ตั้งแต่ปี 2542 ซึ่งทั้งสองเมืองได้สานความสัมพันธ์และได้มีการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนด้านวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว อีกทั้งจะมีการผลักดันเพื่อสนับสนุนด้านการแลกเปลี่ยนเยาวชนและการพัฒนาความร่วมมือทางด้านสาธารณสุข รวมทั้งส่งเสริมในด้านต่างๆ ต่อไป

สำหรับการแลกเปลี่ยนเยาวชนนั้น การศึกษาถือเป็นสิ่งสำคัญ และเยาวชนถือเป็นกลไกสำคัญต่อการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศในอนาคต ดังนั้นจึงควรจัดกิจกรรมร่วมกันซึ่งโครงการแลกเปลี่ยนเยาวชนจะช่วยในการพัฒนาให้เยาวชนได้เรียนรู้และทำความเข้าใจถึงความแตกต่างทางวัฒนธรรมรวมทั้งแลกเปลี่ยนประสบการณ์ทางแนวคิด อันนำมาซึ่งความเข้าใจอันดีและประโยชน์ด้านการศึกษาของเมืองทั้งสอง

ส่วนของการแลกเปลี่ยนการพัฒนา ความร่วมมือด้านการพัฒนาสาธารณสุข จะมีการแลกเปลี่ยนแนวคิดทางนโยบายการบริหาร การช่วยเหลือด้านยารักษาโรค เครื่องมือแพทย์ รวมทั้งการถ่ายทอดเทคโนโลยีใหม่และการบริการดูแลสุขภาพออนไลน์

อีกทั้งจะมีการแลกเปลี่ยนของผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขโดยผ่านการศึกษาดูงานและการฝึกอบรม ทั้งระยะสั้นและระยะยาวรวมทั้งการประชุมด้านวิทยาศาสตร์และประชุมเชิงปฏิบัติอันนำมาซึ่งความมีประสิทธิภาพของบุคลากรและประสิทธิผลของการพัฒนาความร่วมมือในนโยบายด้านสาธารณสุขต่อไปในอนาคต

ที่มา: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก  วันที่ 30 เมษายน 2557