ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ หนุนแนวคิดต่างชาติ ขึ้นภาษียาสูบอีก 3 เท่าตามสภาพน้ำหนักหรือต่อมวนบุหรี่ ช่วยลดคนตายจากบุหรี่ได้ถึง 200 ล้านคน รัฐบาลทั่วโลกได้ภาษีเพิ่มอีกหลายล้านล้านดอลลาร์

ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวว่า จากรายงานการวิจัยโดย เซอร์ริชาร์ด ปีโต จากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดพบว่า หากขึ้นภาษียาสูบอีก 3 เท่าตัวทั่วโลก จะลดคนที่จะตายจากการสูบบุหรี่ได้กว่า 200 ล้านคน โดยการขึ้นภาษีดังกล่าวต้องเก็บภาษีตามสภาพน้ำหนักหรือต่อมวนบุหรี่ ที่จะทำให้บุหรี่ชนิดราคาถูกมีราคาเพิ่มขึ้นด้วย เพื่อป้องกันการหันไปสูบบุหรี่ราคาถูกเมื่อมีการขึ้นภาษี ทั้งนี้ หากขึ้นภาษียาสูบไป 3 เท่า จะลดการสูบบุหรี่ทั้งโลกได้ 1 ใน 3 นอกจากนี้ การขึ้นภาษี 3 เท่าจะทำให้รัฐบาลทั่วโลกเก็บภาษีได้เพิ่มขึ้นจาก 3 ล้านล้านดอลลาร์ เป็น 4 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี หรือเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งในสาม

ศ.นพ.ประกิต กล่าวว่า ไทยเพิ่งจะเริ่มเก็บภาษีตามน้ำหนักในการขึ้นภาษีเมื่อปี 2555 โดยก่อนหน้านี้ใช้วิธีประเมินภาษีตามราคาต้นทุนที่บริษัทบุหรี่แจ้ง ซึ่งทำให้บริษัทบุหรี่แจ้งราคาต้นทุนต่ำกว่าความจริง รวมทั้งผลิตบุหรี่ราคาถูกออกจำหน่าย การขึ้นภาษีครั้งสุดท้ายเก็บในอัตรา 1 บาทต่อกรัม เพื่อให้บุหรี่ซอง 20 มวน มีภาระภาษีขั้นต่ำ 20 บาท สำหรับบุหรี่ที่ประเมินภาษีตามราคาต้นทุนที่บริษัทบุหรี่แจ้งแล้ว มีภาระภาษีไม่ถึงซองละ 20 บาท แต่บริษัทบุหรี่ก็แก้เกมด้วยการทำบุหรี่ให้มีน้ำหนักน้อยกว่า 20 มวนต่อซอง กระทรวงการคลัง จึงต้องขึ้นภาษีตามสภาพเป็นอย่างน้อย 1.5 บาท หรือ 2.0 บาทต่อกรัม หรือ 1.5 บาท หรือ 2.0 บาท ต่อมวน เพื่อทำให้คนสูบบุหรี่น้อยลง และรัฐเก็บภาษียาสูบได้เพิ่มขึ้นด้วย ขณะเดียวกัน ต้องขึ้นภาษีบุหรี่ยาเส้นให้เพิ่มขึ้นด้วย เพื่อป้องกันคนสูบบุหรี่หันไปสูบยาเส้น เมื่อมีการขึ้นภาษีบุหรี่ซิกาแรต