ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

สปสช.ประชุมอปสข.สัญจรภาคกลาง เปิดรับฟังความเห็นพร้อมระดมความคิด แก้ปัญหาการเข้าถึงบริการรักษาพยาบาล ภาคประชาชนเผยมีปัญหาตัวแทนสธ.เข้าร่วมน้อย วอนสธ. สปสช. ลดความขัดแย้ง ทำงานแบบกัลยาณมิตร ยึดประโยชน์ประชาชนเป็นที่ตั้ง ชี้ผู้ใหญ่มีปัญหาอะไร ไม่ควรสั่งให้ระดับปฏิบัติการไม่ประสานกัน เผยความขัดแย้งกระทบบริการประชาชน ถามในฐานะอสม.ถ้าบอกว่าจะไม่ทำงานกับสธ.แล้ว จะเกิดความวุ่นวายอย่างไร

ที่โรงแรมเอเชียแอร์พอร์ต จ.ปทุมธานี – นพ.วีระวัฒน์ พันธ์ครุฑ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เป็นประธานเปิด “การประชุมคณะอนุกรรมการหลักประกันสุขภาพเขต (อปสข.) พื้นที่ภาคกลาง ภาคตะวันตก และภาคตะวันออก” ซึ่งเป็นหนึ่งในเวทีการประชุม อปสข.สัญจร 4 ภาค โดยการจัดประชุมครั้งนี้เพื่อมุ่งแก้ไขปัญหาการเข้าไม่ถึงบริการสาธารณสุขในพื้นที่พร้อมระดมความเห็นการปฏิรูประบบหลักประกันสุขภาพในบริบทพื้นที่ภาคกลาง ซึ่งมี อปสข. ตัวแทนหน่วยบริการสาธารณสุขในพื้นที่ และภาคประชาชน กว่า 220 คน เข้าร่วมประชุม

นพ.วีระวัฒน์ กล่าวว่า การประชุม อปสข.ภาคกลางครั้งนี้ นับเป็นการประชุมครั้งที่ 3 หลังจากที่ทางผู้บริหารได้เดินสายประชุม อปสข.ภาคใต้และภาคเหนือมาแล้ว เน้นการมีส่วนร่วมเพื่อรับฟังความเห็น ซึ่งหลังจากมีการประชุมครบทั้ง 4 ภาคจะมีการสรุปปัญหาและข้อเสนอ เพื่อนำไปสู่การปรับปรุงและพัฒนาระบบกองทุนหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าต่อไป โดยเฉพาะในด้านการเดินหน้าขับเคลื่อนการจัดระบบบริการสาธารณสุขระดับเขตสุขภาพให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง ทั้งนี้ในการประชุม อปสข. พื้นที่ภาคกลางนี้ ประกอบด้วย อปสข.เขต 4 จ.สระบุรี อปสข.เขต 5 จ.ราชบุรี อปสข.เขต 6 จ.ระยอง และ อปสข.เขต 13 กทม. โดยในการประชุมได้มีการสะท้อนปัญหาการเข้าถึงบริการสุขภาพในพื้นที่ต่างๆ

นางเตือนใจ สมานมิตร อปสข.เขต 4 สัดส่วนภาคประชาชน กล่าวว่า ในการประชุมส่วนใหญ่สะท้อนปัญหาสาธารณสุขด้านการเข้าไม่ถึงการรักษาพยาบาล หลายพื้นที่ไม่มีหน่วยบริการขนาดใหญ่ ทำให้ผู้ป่วยมะเร็งและโรคหัวใจต้องถูกส่ต่อไปรักษานอกเขต บางพื้นที่มีประชากรแฝงจำนวนมาก เนื่องจากอยู่ในเขตอุตสาหกรรม มีปัญหาผู้ป่วยบางกลุ่มเข้าไม่ถึงการรักษา ขณะที่พื้นที่กทม. แม้มีหน่วยบริการสาธารณสุขทุกระดับ แต่กลับพบปัญหาประชาชนเข้าถึงการรักษาพยาบาลในระดับที่ต่ำกว่าพื้นที่อื่นๆ เนื่องจากโรงพยาบาลขนาดใหญ่เหล่านั้นต้องรับส่งต่อผู้ป่วยจากจังหวัดต่างๆ ซึ่งปัญหาตรงนี้อยากให้สธ.และสปสช. ร่วมกันแก้ไข โดยการมีส่วนร่วมจากภาคประชาชนด้วย

“ปัญหาเรื่องความขัดแย้งระหว่าง สธ.และสปสช. นั้น ขณะนี้มีผลกระทบอย่างมากกับระดับผู้ปฏิบัติงานข้างล่าง โดยเฉพาะภาคประชาชนที่ดำเนินการเรื่องกลไกการคุ้มครองสิทธิ์ จากเดิมเคยประสานงานกับสสจ.มาด้วยดี วันนี้ก็สะดุด ซึ่งกับเจ้าหน้าที่ไม่มีปัญหาส่วนตัว แต่ระบุว่ามาจากคำสั่งสธ.ที่ให้หยุดทำธุรกรรมกับสปสช. ซึ่งตนมองว่าไม่ถูกต้อง ผู้ใหญ่จะมีปัญหาอะไรก็ว่ากันไป แต่อย่าสั่งให้คนทำงานไม่ประสานงานกัน คน เงิน งาน ต้องไปด้วย ถ้าทำอย่างนี้ ในฐานะที่เป็นอสม.ด้วย วันหนึ่งหากอสม.บอกว่าจะไม่ทำงานร่วมกับสธ.แล้ว จะทำกับสปสช.อย่างเดียว ถ้าเป็นแบบนี้สธ.จะว่าอย่างไร ดังนั้นขอให้เลิกท่าทีแบบนี้ เพราะกระทบกับการให้บริการประชาชน อยากให้สธ.และสปสช.ทำงานแบบกัลยาณมิตร แล้วหากจะไปคุยอะไร ก็ไม่ใช่แค่คุยกับสธ. และสปสช. เท่านั้น ต้องมีภาคประชาชน และต้องยึดผลประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง ในเมื่อเป็นหน่วยงานราชการ ถ้าคุยกันแค่ 2 ฝ่าย ก็จะคิดแต่ผลประโยชน์ของฝ่ายตัวเองเท่านั้น”นางเตือนใจ กล่าว

นพ.ฉัทฐกร ธัญเกียรติ ผอ.รพ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี กล่าวว่า การประชุมอปสข.สัญจรครั้งนี้ ในฐานะเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการ จึงมาร่วมประชุมเพื่อนำเสนอสถานการณ์ปัญหาและอุปสรรคในพื้นที่ ในส่วนของกระแสข่าวที่ว่ามีคำสั่งห้ามจากปลัดสธ.ไม่ให้มาร่วมประชุม ตนยังไม่เห็นคำสั่ง ทราบจากเพียงใน social media เท่านั้น โดยทางสสจ.ราชบุรี ไม่ได้มีคำสั่งห้ามใดๆ แต่หากมีคำสั่งห้าม ในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชาก็คงไม่สามารถมาร่วมได้ เรื่องความขัดแย้งนั้น ตนพอทราบเรื่อง ซึ่งในฐานะระดับปฏิบัติการในพื้นที่ มีผลกระทบกับการประสานงาน สิ่งที่ต้องการคือขอความชัดเจนจากผู้ใหญ่ว่าต้องการอย่างไรกันแน่ เพราะคนทำงานก็เหมือนหน่วยรบ ถ้าระดับนโยบายไม่ชัดเจน การทำงานก็จะมีปัญหา โดยเฉพาะงานสาธารณสุขเกี่ยวข้องกับประชาชน ก็ย่อมส่งผลกระทบไปที่ประชาชนแน่นอน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมอปสข.สัญจรครั้งที่ 3 นี้ ยังพบปัญหาที่นพ.สสจ. ผอ.รพศ./รพท. และรพช. เข้าร่วมน้อย มีนพ.สสจ. 3 จังหวัดเท่านั้น ที่เข้าร่วม ซึ่งเป็นปัญหาสืบเนื่องจากสธ.และสปสช.มีความเห็นไม่ตรงกันเรื่องการจัดการบริการสาธารณสุข จนนำมาสู่มติบอร์ดสปสช. 7 พ.ค.57 ยกเลิกสสจ.ไม่ให้เป็นสปสช.สาขาจังหวัด