ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

กระทรวงสาธารณสุข จัดอบรมความรู้สุขภาพให้แก่ไกด์หรือ“แซะห์”กว่า 400 คนจาก 63 บริษัท ทั่วประเทศ ให้เป็น “อสม.ฮัจย์” แห่งเดียวในโลกช่วยป้องกันการเจ็บป่วยและการเสียชีวิตชาวไทยมุสลิม ไปแสวงบุญที่ซาอุดิอาระเบีย ประจำปี 2557 นี้ประมาณ 10,000 คน พร้อมจัดระบบเฝ้าระวัง ป้องกันไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ 2012 เต็มที่ ครบวงจร ตั้งแต่ก่อนไปจนถึงภายหลังกลับถึงบ้าน

วันนี้ (19พฤษภาคม 2557) ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า กระทรวงสาธารณสุข ได้จัดอบรมให้ความรู้การดูแลสุขภาพอนามัยให้แก่ไกด์ หรือที่เรียกว่า“แซะห์”จำนวน 400 คน จาก 63 บริษัทผู้ประกอบกิจการฮัจย์ทั่วประเทศ ที่ โรงแรมหรรษาเจบี อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ระหว่างวันที่ 19-20 พฤษภาคม 2557 เพื่อให้ “แซะห์” ซึ่งเป็นผู้นำกลุ่มในการพาชาวไทยมุสลิมไปประกอบพิธีฮัจย์ ณ ประเทศซาอุดิอาระเบียในปี 2557 ได้รับการพัฒนาให้เป็นอาสาสมัครสาธารณสุขฮัจย์หรือ“อสม.ฮัจย์” (Hajj Health Volunteer) ช่วยดูแลสุขภาพชาวไทยมุสลิมที่ไปแสวงบุญ ป้องกันการเจ็บป่วยต่างๆ ลดการเสียชีวิต ทั้งจากโรคประจำตัวและโรคติดเชื้อต่างๆ ซึ่งไทยเป็นประเทศเดียวในโลกที่ดำเนินการรูปแบบนี้

นายแพทย์ณรงค์กล่าวว่าในแต่ละปีจะมีชาวมุสลิมทั่วโลกเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ที่ประเทศซาอุดิอาระเบียกว่า 3 ล้านคน ในปี 2557 นี้ จะมีชาวไทยมุสลิมเดินทางไปร่วมพิธีดังกล่าวประมาณ 10,000 คน ซึ่งร้อยละ 70 อยู่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ จะเริ่มเดินทางในปลายเดือนสิงหาคมนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้จัดระบบดูแลสุขภาพของชาวไทยมุสลิมที่จะไปประกอบพิธีนี้ทุกคนอย่างครบวงจร ตั้งแต่ก่อนเดินทางจนกระทั่งเดินทางกลับถึงบ้าน ได้มอบหมายให้ศูนย์บริหารการพัฒนาสุขภาพจังหวัดชายแดนภาคใต้(ศบ.สต.) สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสงขลา เป็นแกนหลักในการดำเนินการ

ทั้งนี้ มาตรการดูแลสุขภาพชาวไทยมุสลิมที่จะไปร่วมพิธีฮัจย์ในปีนี้ เน้นย้ำการป้องกันการติดเชื้อโคโรน่าไวรัส 2012 หรือไวรัสเมอร์ส โควี (MERS CoV)เป็นกรณีพิเศษ เนื่องจากโรคนี้มีแหล่งแพร่ระบาดที่ประเทศตะวันออกกลาง ประกอบด้วย 1. การเตรียมพร้อมสุขภาพก่อนเดินทาง ผู้เดินทางทุกคนต้องได้รับตรวจสุขภาพจากสถานบริการสาธารณสุข และฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้กาฬหลังแอ่นและวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลฟรี 2. ระหว่างที่พำนักในซาอุดิอาระเบีย ได้จัดหน่วยแพทย์ไทยไปให้การดูแล 3 ทีม ประกอบด้วยทีมแพทย์เคลื่อนที่ 2 ทีมตั้งที่เมืองมาดีนะและทุ่งมีนา ให้บริการให้คำปรึกษาและดูแลผู้ป่วยฉุกเฉิน อีก 1 ทีมตั้งที่เมืองเมกกะเป็นโรงพยาบาลสนามขนาด 20 เตียง โดยมีระบบประสานงานกับโรงพยาบาลของประเทศซาอุดิอาระเบียและ3.การจัดระบบดูแลผู้แสวงบุญภายหลังเดินทางกลับมาถึงบ้านทุกคน ได้จัดมิสเตอร์ฮัจย์ทุกจังหวัด เพื่อติดตามเฝ้าระวังการเจ็บป่วยเป็นเวลา 30 วัน ซึ่งขณะนี้ไทยยังไม่พบผู้ติดเชื้อโคโรน่าไวรัสในประเทศ และที่ผ่านมาไม่พบโรคติดต่อใดๆหลังเดินทางกลับ นายแพทย์ณรงค์กล่าว

ด้านนายแพทย์ศิริชัย ลีวรรณนภาใส นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสงขลา และผู้อำนวยการศูนย์บริหาร การพัฒนาสุขภาพจังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวว่า การจัดอบรมแซะห์ ให้เป็นอสม.ฮัจย์ครั้งนี้ เพื่อให้เป็นเครือข่ายร่วมดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจิต เพราะอยู่ใกล้ชิดกับผู้แสวงบุญที่สุด มีความรู้เรื่องการปฐมพยาบาล การเฝ้าระวังการเจ็บป่วย การป้องกันโรคต่างๆโดยเฉพาะไวรัสโคโรน่า สามารถดูแลเบื้องต้นและส่งผู้ป่วยไปรักษาพยาบาลที่หน่วยพยาบาลไทยทั้ง 3 แห่งได้อย่างรวดเร็ว และมอบกระเป๋ายาเวชภัณฑ์พื้นฐานประมาณ 20 รายการให้ทุกคน อาทิ เครื่องวัดความดันโลหิตดิจิตอล ปรอทวัดไข้ ชุดทำแผล ยาแก้ปวด ลดไข้ ยาแก้แพ้ หน้ากากอนามัย เป็นต้น เพื่อใช้ดูแลระหว่างเดินทางทั้งขาไปและกลับ