ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข  เผยตากแดดนานเพียง 15 นาที เสี่ยงรับรังสียูวีที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพผิว แนtประชาชนให้ความสำคัญ 3 จุดสำคัญบนร่างกาย ได้แก่ ริมฝีปาก ผิวตัว ผิวมือ ที่ต้องได้รับการปกป้องเพื่อป้องกันรังสีอัลตราไวโอเลต ลดเสี่ยงมะเร็งผิวหนัง          

นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า แสงแดดมีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิต แต่หากได้รับมากเกินไปเป็นระยะเวลานานเพียง 15 นาที รังสียูวี ก็สามารถทำลายระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย รวมทั้งผิวหนัง นัยน์ตา และก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนัง ซึ่งในประเทศไทยพบผู้ป่วย จำนวน 300-400 รายต่อปี  โดยทำให้เกิดการเจริญเติบโตของเซลล์ผิวหนังที่ผิดปกติ เนื่องจากการได้รับแสงแดดปริมาณมาก ทั้งยูวีเอ  และยูวีบี ส่วนยูวีซี มีพลังงานสูงที่สุด อันตรายมากที่สุด แต่พบได้น้อยเนื่องจากจะถูกชั้นบรรยากาศกรองเอาไว้ การป้องกันผิวหนังจากการสัมผัสแสงแดดจึงควรใช้ครีมกันแดดที่มี SPF 15 หรือมากกว่า ทาบริเวณผิวหน้าและบริเวณที่ต้องสัมผัสกับแสงแดดมาก โดยเฉพาะ 3 จุดสำคัญบนร่างกายที่ไม่ควรละเลยในการป้องกันรังสียูวีจุดแรกคือ ริมฝีปาก ควรทาลิปบาล์มที่มีสารป้องกันแสงแดด โดยสามารถทาซ้ำได้บ่อย จุดที่สองคือผิวตัว และจุดสุดท้ายคือผิวมือ ควรทามอยส์เจอไรเซอร์บำรุงผิวมือบ่อย ๆ และทาครีมกันแดดร่วมด้วย

นพ.พรเทพ กล่าวต่อไปว่า การใช้ครีมกันแดดให้มีประสิทธิภาพสำหรับผิวหน้าควรใช้ปริมาณเท่ากับ 1 เหรียญบาทต่อครั้ง ส่วนผิวตัวใช้บริเวณละประมาณ 1 อุ้งมือ และควรทาครีมกันแดดก่อนออกแดดอย่างน้อย 20 นาที หรือตามที่ระบุไว้ในฉลาก และทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมง หรือทาซ้ำหลังว่ายน้ำหรือเล่นกีฬา เนื่องจากน้ำและเหงื่ออาจละลายครีมกันแดดได้ นอกจากนี้ยังสามารถเลือกใช้ครีมกันแดดที่ป้องกันรังสียูวีได้ โดยดูจากค่าที่เรียกว่า  PA  หรือ Protection Grade of UVA  ซึ่งเป็นค่าซึ่งเป็นค่าที่บอกประสิทธิภาพในการป้องกันรังสียูวีเอ  โดยมีทั้งหมดระดับ คือ PA+ ,  PA++ และ PA+++  เรียงตามลำดับของประสิทธิภาพในการป้องกันรังสีจากน้อยไปมาก  

 “ทั้งนี้ การปกป้องผิวจากรังสียูวีไม่เฉพาะแค่ช่วงหน้าร้อนหรือบริเวณชายทะเลเท่านั้น แต่ควรทา    ครีมกันแดดเป็นประจำ และให้หลีกเลี่ยงแสงแดดในช่วงเวลา 10.00-16.00 น. เพราะเป็นเวลาที่สามารถรับรังสีจากนอกอาคารมากที่สุด นอกจากนี้สามารถป้องกันร่างกายจากแสงแดดด้วยการอยู่ในที่ร่ม สวมเสื้อแขนยาวและกางเกงขายาว  ควรเลือกสวมเสื้อผ้าที่ทำมาจากใยฝ้าย เพราะจะช่วยในการกรองแสงแดดและระบายความร้อนได้ดี หรือเลือกใช้เสื้อผ้าที่ผ่านการรับรองว่าป้องกันรังสียูวี  สวมหมวกที่มีปีกโดยรอบเพื่อป้องกันแสงแดดที่มากระทบใบหน้า  หู  และด้านหลังลำคอ รวมทั้งควรสวมแว่นกันแดดที่ปิดรอบดวงตารวมทั้งด้านข้าง และต้องเป็นแว่นที่สามารถป้องกันรังสียูวีเอและยูวีบี  เพื่อปกป้องดวงตาและลดการเกิดต้อกระจก”  อธิบดีกรมอนามัย กล่าว