ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ชมรมพิทักษ์สิทธิผู้ประกันตน พร้อมเครือข่ายแรงงาน บุก สปส. ยื่น 6 ข้อเรียกร้องปรับเพิ่มสิทธิประโยชน์รักษาพยาบาล หลังพบเหลื่อมล้ำด้อยกว่ากองทุนรักษาพยาบาลอื่น ด้าน “รองเลขาธิการ สปส.” เผย สิทธิประโยชน์ฮีโมฟีเลีย และยาเมทาโดนดำเนินการแล้ว ส่วนสิทธิประโยชน์อื่นต้องรอการพิจารณาจากบอร์ด สปส. ชุดใหม่ พร้อมเดินหน้าความร่วมมือภาคประชาชน จัดเวทีหารือติดตามพัฒนาสิทธิประโยชน์ทุก 2 เดือน    

วันที่ 16 มิ.ย. ที่สำนักงานประกันสังคม – เมื่อเวลา 11:00 น. ทางชมรมพิทักษ์สิทธิผู้ประกันตน กลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ สหภาพแรงงานภาคตะวันออก แรงงานพื้นที่สระบุรีและใกล้เคียง สหภาพแรงงานพื้นที่อ้อมน้อยอ้อมใหญ่ สหภาพแรงงานพื้นที่สมุทรปราการ ชมรมผู้ป่วยฮีโมฟีเลีย ชมรมเพื่อนโรคไต และมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ นำโดย นายนิมิตร์ เทียนอุดม ผู้อำนวยการมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ นายอภิวัฒน์ กวางแก้ว ประธานเครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวีแห่งประเทศไทย ได้เข้ายื่นหนังสือถึงเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม เพื่อขอให้ปรับสิทธิประโยชน์ด้านสุขภาพสำหรับผู้ประกันตน โดยมี นพ.สุรเดช วลีอิทธิกุล รองเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.)

นายนิมิตร์ กล่าวว่า จากการทำงานร่วมกับสหภาพแรงงานในช่วง 2 ปีทีผ่านมา ทั้งในพื้นที่ภาคตะวันออก สระบุรี และพื้นที่ใกล้เคียง พบว่าในการรักษาพยาบาลผู้ประกันตน เมื่อเปรียบเทียบกับสิทธิรักษาพยาบาลในระบบอื่นๆ อย่าง ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า พบว่าระบบประกันสังคมยังมีสิทธิประโยชน์ความเหลื่อมล้ำที่ด้อยกว่าระบบรักษาพยาบาลอื่นมาก ทั้งยังเป็นระบบเดียวที่ต้องมีการจ่ายเงินร่วมสมทบ ซึ่งนับว่าเป็นความไม่เป็นธรรมในระบบสุขภาพ ด้วยเหตุนี้ทางชมรมพิทักษ์สิทธิผู้ประกันตน พร้อมด้วยเครือข่ายข้างต้นจึงได้จัดทำข้อเสนอเร่งด่วนเพื่อของให้สำนักงานประกันสังคมทำการปรับปรุงแก้ไขสิทธิประโยชน์ให้กับผู้ประกันตนโดยเร็ว

สำหรับข้อเสนอที่ขอให้ สปส.ทำการปรับปรุงเพื่อให้ผู้ประกันตนมีสิทธิเท่าเทียมกับสิทธิรักษาพยาบาลในระบบอื่น ได้แก่  (1) ให้ค่าใช้จ่ายการคลอดทั้งหมด รวมอยู่ในสิทธิประโยชน์รวมอยู่ในสิทธิประโยชน์การรักษาพยาบาล และให้คงเงินเหมาจ่ายค่าคลอดบุตรแก่ผู้ประกันตน (2) ยกเลิกการจำกัดสิทธิไม่รักษากรณีการทำร้ายตัวเอง (ฆ่าตัวตาย) ต้องได้รับรักษาทุกกรณีไม่ว่าการทำร้ายตนเองจะสำเร็จหรือไม่ก็ตาม (3) การรักษาเกี่ยวกับฟัน ต้องไม่กำหนดเพดานวงเงินและเงื่อนไขจำนวนครั้งต่อปี ต้องเป็นไปตามความจำเป็น

(4) ให้สิทธิการรักษากรณีการบำบัดสารเสพติดต่างๆ (5) พัฒนาสิทธิประโยชน์การดูแลรักษาผู้ป่วยฮีโมฟีเลีย ให้ได้รับการบำบัดทดแทนปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการแข็งตัวของเลือดอย่างโปรตีนแฟคเตอร์ (factor)ที่เท่าเทียมเช่นเดียวกันสิทธิประกันสุขภาพถ้วนหน้า (6) ให้เกิดสิทธิด้านสุขภาพทันทีที่ส่งเงินสมทบ ทั้งนี้ภายหลังจากได้ยื่นข้อเสนอทางชมรมสิทธิผู้ประกันตนจะติดตามการดำเนินงานของสำนักงานประกันสังคมตามข้อเรียกร้องอย่างใกล้ชิดต่อไป

ด้านนายอภิวัฒน์ กล่าวว่า ในการเข้าหารือกับทางรองเลขาธิการ สปส.ในวันนี้ ภาพรวมบรรยากาศการหารือเป็นไปได้ด้วยดี ซึ่งในข้อเสนอที่ทางชมรมสิทธิผู้ประกันตนได้เสนอนั้น มีบางข้อที่ทาง สปส.ได้ดำเนินการไปแล้ว อย่างข้อเรียกร้องการพัฒนาสิทธิประโยชน์รักษาให้กับผู้ป่วยโรคฮีโมฟีเลีย ซึ่งได้นำเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการการแพทย์ของทาง สปส.แล้ว เช่นเดียวกับการให้สารเมทาโดกับผู้เสพยาเสพติด ซึ่งได้เริ่มตั้งแต่ 1 พ.ค. ที่ผ่านมา แต่ในหลายประเด็นยังต้องตามต่อ ทั้งการรวมค่าใช้จ่ายคลอดให้อยู่ในสิทธิประโยชน์การรักษาที่ไม่ต้องสำรองเงินจ่ายไปก่อน และการยกเลิกจำกัดเพดานวงเงินและเงื่อนไขจำนวนครั้งต่อปีในการทำฟัน เป็นต้น   นอกจากนี้ในการพิจารณาข้อเรียกร้องที่นำเสนอไปนี้ ยังต้องรอคณะกรรมการประกันสังคมชุดใหม่ดำเนินการ ซึ่งอยู่ระหว่างการแต่งตั้ง

“เนื่องจากขณะนี้อยู่ระหว่างการรอบอร์ด สปส.ชุดใหม่ ซึ่งคงต้องรอการแต่งตั้งก่อน แต่ที่มีความคืบหน้าเพิ่มเติม คือจะมีการทำงานร่วมกันระหว่างบอร์ด สปส. และภาคประชาชนมากขึ้น โดยจะมีการประชุมร่วมกันทุกๆ 2 เดือน เพื่อติดตามการดำเนินงานข้อเรียกร้อง รวมไปถึงการพัฒนาสิทธิประโยชน์รักษาพยาบาลในระบบ สปส.” ประธานผู้ติดเชื้อเอชไอวีแห่งประเทศไทย กล่าว