ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

แพทยสภาเผยประชาชนร้องเรียนเรื่องการจ่ายค่ารักษาพยาบาลสูงเกินจริง เผยมีหลายเหตุผล ทั้งเรื่องเทคโนโลยีการแพทย์ที่ก้าวหน้ามากขึ้น ยอมรับบางกรณีก็ใช้เกินจำเป็น แต่บางกรณีก็จำต้องใช้ แนะประชาชนสามารถร้องเรียนมาที่แพทยสภาเพื่อความเป็นธรรมได้ เอาผิดเพิกถอนใบวิชาชีพ

ศ.นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา  นายกแพทยสภา  เปิดเผยว่า  ปัจจุบันมีการร้องเรียนจากผู้ใช้บริการในสถานพยาบาลเอกชนเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่สูง ซึ่งอาจมาจากการใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ก้าวหน้า บ้างก็ใช้เกินความจำเป็น แต่บางกรณีก็มีความจำเป็นต้องใช้ ยกตัวอย่าง โรคไส้ติ่ง โดยปกติจะสามารถตรวจวินิจฉัยโรคได้ด้วยการคลำท้อง หรือหัตถการทั่วไป รวมไปถึงการตรวจเอ็กซเรย์ อัลตราซาวน์ หรือบางรายอาจต้องตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กหรือ เอ็ม อาร์ ไอ (MRI) ซึ่งค่าใช้จ่ายก็จะสูงตาม ปัญหาคือ ผู้ป่วยหลายคนไม่ทราบเรื่องค่าใช้จ่าย ประกอบกับไม่มีการหารือกับแพทย์ผู้รักษาถึงวิธีการรักษา ค่าใช้จ่ายทั้งหมด เมื่อขั้นตอนการรักษาเสร็จสิ้นก็ต้องตกใจกับค่ารักษาที่พุ่งเกือบ 100,000 บาท

ศ.นพ.สมศักดิ์ กล่าวว่า  ปัญหาดังกล่าวทำให้ผู้ป่วยรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม บางรายมีเงินก็สามารถจ่ายค่ารักษาได้ แต่บางรายไม่มีก็ต้องรับสภาพเป็นหนี้ มีการฟ้องร้องกันต่อไป อย่างในส่วนของแพทยสภา มีผู้ป่วยร้องเรียนเข้ามาว่าแพทย์มีการรักษาพยาบาลจนทำให้เสียค่าใช้จ่ายมากจนเกินเหตุ ถือเป็นการสิ้นเปลืองโดยไม่จำเป็น และบางกรณีรักษาโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย โดยพบว่า 20 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2536-2556  มีผู้ร้องเรียนรวม 247 ราย  โดยระหว่างปี 2552-2556 มีเพียง 7 ราย ซึ่งตัวเลขดังกล่าวแม้จะไม่มาก แต่ก็เป็นสิทธิผู้ของผู้ป่วยที่จะร้องขอความเป็นธรรม ซึ่งหากรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม สามารถร้องมายังแพทยสภา เกี่ยวกับการรักษาที่เรียกค่าใช้จ่ายสูงเกินจำเป็น ถือว่าเข้าข่ายผิดข้อบังคับแพทยสภาว่าด้วยการรักษาจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2549 ข้อที่ 23 ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมต้องไม่ประกอบวิชาชีพโดยไม่คำนึงความสิ้นเปลืองของผู้ป่วย ซึ่งจะมีโทษตั้งแต่ตักเตือน ภาคทัณฑ์ พักใช้ไม่อนุญาตไม่เกิน 2 ปี และยึดใบอนุญาต  ส่วนประเด็นเรียกค่าเสียหายจะอยู่ในขั้นตอนการฟ้องร้องต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ข้อมูลสำนักงานเลขาธิการแพทยสภา ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2556   เกี่ยวกับการร้องเรียนมายังแพทยสภาตั้งแต่ปี 2536-2556 พบว่ามี 7 กรณีที่ได้รับการร้องเรียนเข้ามาสูงสุดรวม 4,435  ราย  แบ่งเป็น 1.กรณีไม่รักษามาตรฐาน 2,425 ราย   แต่รับพิจารณา 548 ราย  โดยยกข้อกล่าวหา 291 ราย ตักเตือน 158 ราย ภาคทัณฑ์ 56 ราย พักใช้ใบอนุญาต 35 ราย เพิกถอนใบอนุญาต 6 ราย   2.การปฏิบัติตนเกี่ยวกับสถานพยาบาล อาทิ   ตรวจวินิจฉัยโดยไม่ใช่แพทย์ ฯลฯ ร้องเรียนมา  772 ราย  รับพิจารณาเพียง 285 ราย โดยยกข้อกล่าวหา   62 ราย  ตักเตือน 207 ราย ภาคทัณฑ์ 9 ราย พักใช้ใบอนุญาต  7 ราย   3. โฆษณาการประกอบวิชาชีพของตน 342 ราย  รับพิจารณา  220  ราย ยกข้อกล่าวหา 132 ราย ตักเตือน 82 ราย ภาคทัณฑ์ 3 ราย พักใช้ใบอนุญาต 3 ราย

4.ดำรงตนโดยไม่เคารพกฎหมาย 293 ราย รับพิจารณา 146 ราย ยกข้อกล่าวหา 38 ราย ตักเตือน 55 ราย ภาคทัณฑ์ 30 ราย  พักใช้ใบอนุญาต 23 ราย   5.ไม่คำนึงความความปลอดภัยและทำให้ผู้ป่วยสิ้นเปลือง 247 ราย   รับพิจารณา 118 ราย  ยกข้อกล่าวหา 50 ราย ตักเตือน 42 ราย ภาคทัณฑ์12 ราย พักใช้ใบอนุญาต  14 ราย  6. เสื่อมเสียเกียรติศักดิ์วิชาชีพ 201 ราย   รับพิจารณา 95 ราย ยกข้อกล่าวหา 27 ราย ตักเตือน 30 ราย ภาคทัณฑ์ 19 ราย พักใช้ใบอนุญาต 17 ราย เพิกถอนใบอนุญาต 2 ราย  และ 7. ออกใบรับรองเท็จ 155 ราย รับพิจารณา  42 ราย  ยกข้อกล่าวหา 16 ราย ตักเตือน 6 ราย ภาคทัณฑ์ 10 ราย พักใช้ใบอนุญาต 10 ราย โดยใน 7 ข้อมีการเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ  9 ราย