ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

มติชน -สปสช. จ่อประชุมใหญ่ ดึง 2 กองทุนร่วมหารือจัดตั้งกองทุนดูแลผู้สูงอายุโดยเฉพาะ เตรียมเสนอ คสช. ใช้งบประมาณ 1,600 ล้านบาท ใช้เวลา 3 ปี ขยายการทำงานครอบคลุมทั่วประเทศ เน้นชุมชนบริหารจัดการดูแลตัวเอง ไม่ซ้ำซ้อนกองทุนชราภาพ

เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน นพ.ประทีป ธนกิจเจริญ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า สปสช.เตรียมจัดประชุมใหญ่ปฏิรูประบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติครั้งที่ 2 ในวันที่ 22 กรกฎาคมนี้ เพื่อระดมความคิดฝ่ายต่างๆ และ 3 กองทุนสุขภาพแห่งชาติ คือ กองทุนหลักประกันสุขภาพฯ กองทุนประกันสังคม และกองทุนสิทธิสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ เพื่อหารือถึงการปฏิรูปครั้งสำคัญ จะมีการเสนอโครงการดูแลผู้สูงอายุในระยะยาว (Long term Care) โดยจะเสนอ คสช.ในการจัดตั้งกองทุนดูแลผู้สูงอายุ ผู้พิการและผู้ป่วยเรื้อรังที่จำเป็นต้องมีผู้ดูแล จะเป็น กองทุนตั้งใหม่เพื่อดูแลด้านนี้โดยตรง

นพ.ประทีปกล่าวว่า กองทุนดังกล่าวจะดูแลผู้สูงอายุทุกคนในประเทศไม่จำกัดว่าอยู่สิทธิกองทุนใดก็ตาม ซึ่งปัจจุบันผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปมีจำนวน 9,928,000 คน โดยการดำเนินงานจะแบ่งออกเป็น 3 ระยะ ระยะละ 1 ปี โดยปีแรกจะเลือกพื้นที่เทศบาลที่มีความพร้อมในดำเนินการก่อน และค่อยขยายจนครบทุกจังหวัด การทำงานจะจัดตั้งศูนย์ฝึกอบรมอาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุขึ้นเพื่อจะออกเยี่ยมบ้านของผู้สูงอายุแต่ละคน รวมทั้งจะมีศูนย์ประจำการเพื่อเป็นจุดตั้งรับสำหรับผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ป่วยโรคเรื้อรังที่สามารถเดินทางไปกลับได้โดยจะให้การดูแลต่างๆ แบบเช้าเย็นกลับเรียกว่า ศูนย์ Day Care ซึ่งกองทุนดังกล่าวจะเน้นให้ชุมชนดูแลกันเอง โดยงบประมาณแรกเริ่มนั้นจากการประเมินพบว่า แต่ละตำบลหากต้องดูแลผู้สูงอายุ 1 คน จะต้องใช้เงินดูแลประมาณ 20,000 บาทต่อปี ดังนั้น หากพิจารณาภาพรวมทั้งประเทศคาดว่างบฯจะอยู่ที่ 1,600 ล้านบาท ซึ่งมาจาก 2 ส่วนคือ จากเทศบาลต่างๆ ซึ่งมีอยู่ 2,000 กว่าแห่ง และจากรัฐบาล โดยงบประมาณกลาง นอกจากนี้ ในอนาคตอาจมีการเก็บสะสมจากคนวัยทำงาน

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะซ้ำซ้อนกับกองทุนชราภาพของสำนักงานประกันสังคมที่ดูแลผู้ประกันตนหรือไม่ นพ.ประทีปกล่าวว่า ไม่เหมือนกัน เนื่องจากกองทุนชราภาพจะเป็นเฉพาะบำเหน็จบำนาญ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการรักษาพยาบาล โดยการมีกองทุนดังกล่าวจะทำให้เกิดความชัดเจนขึ้นว่า การรักษาพยาบาลจะเป็นหน้าที่ของกองทุนนี้ ส่วน สปส.เน้นในเรื่องการเก็บเงินสะสม

ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน วันที่ 26 มิถุนายน 2557