ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

บทบรรณาธิการโพสต์ทูเดย์ -นโยบายหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (บัตรทอง) จะต้องได้รับการสานต่อโดยยึดประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง ซึ่งตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ชัดเจนว่านโยบายนี้ประสบผลสำเร็จและได้รับการยกย่องจากนานาประเทศ เนื่องจากสามารถช่วยให้ประชาชนเข้าถึงยาและการรักษาพยาบาลเพิ่มขึ้น อีกทั้งลดความเสี่ยงที่จะล้มละลายทางเศรษฐกิจจากการจ่ายค่ารักษาพยาบาล

องค์การอนามัยโลกและสหประชาชาติได้ตั้งเป้าหมายไว้ว่า ภายในปี 2574 หรืออีก 17 ปีข้างหน้าจะดำเนินการให้บริการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าอย่างครอบคลุม ในขณะที่ประเทศไทยทำสำเร็จล่วงหน้าแล้ว ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง หรือรัฐบาลชั่วคราว จำเป็นอย่างยิ่งที่จะดำเนินนโยบายบัตรทองต่อไป โดยต้องกำหนดแนวทางการพัฒนาระบบเพื่อยกระดับการให้บริการไปสู่มาตรฐานใหม่ รวมถึงลดช่องโหว่อุดช่องว่างต่างๆ นำไปสู่ความเสมอหน้าในระบบสุขภาพของประชาชนชาวไทย

การหารือร่วมระหว่างกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ที่มี นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัด สธ. และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งมี พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผู้บัญชาการทหารเรือ ในฐานะรองหัวหน้าคสช. ฝ่ายสังคมและจิตวิทยา เมื่อวันที่ 31 พ.ค.ที่ผ่านมา มีการพูดถึงแนวคิดให้ประชาชนร่วมจ่ายค่ารักษาพยาบาล 30-50% เพื่อลดภาระงบประมาณของภาครัฐนำมาซึ่งเสียงต่อต้านคัดค้านรุนแรงจากแพทย์อาวุโสเครือข่ายผู้ป่วย และเครือข่ายภาคประชาชน

แม้ว่า ปลัด สธ.จะยืนกรานว่า แนวคิดการให้ประชาชนร่วมจ่ายไม่เป็นความจริง เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นของผู้ร่วมประชุมและยังไม่มีมติใดๆ แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าประชาชนเกิดข้อเคลือบแคลงขึ้นแล้ว โดยเฉพาะเมื่อนโยบายบัตรทองเป็นผลงานที่ผูกติดกับอดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จึงมีความเป็นไปได้ที่นโยบายบัตรทองจะถูกปรับเปลี่ยนเพราะเหตุผลทางการเมือง

ท่ามกลางความสับสนและไม่ไว้วางใจต่อนโยบายร่วมจ่ายที่เกิดขึ้น คสช.จำเป็นต้องให้ความกระจ่างแก่ประชาชนร่วม 47 ล้านคน ที่ใช้สิทธิบัตรทองอยู่ว่ามีจุดยืนอย่างไรต่อแนวคิดนี้

หากประชาชนซึ่งจ่ายภาษีแก่รัฐทั้งทางตรงและทางอ้อม ต้องควักกระเป๋าร่วมจ่ายค่ารักษาพยาบาลเพิ่มเท่ากับว่าเขาเหล่านั้นกำลังถูกซ้ำเติมจากนโยบายแห่งรัฐและที่สุดแล้วหากประชาชนต้องประสบภาวะล้มละลายทางการเงิน เพราะค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ ยิ่งเป็นการขัดต่อหลักการของ คสช.ที่มุ่งหวังคืนความสุขให้กับประชาชน

 

ที่มา: หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ วันที่ 14 กรกฎาคม 2557

เรื่องที่เกี่ยวข้อง