ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

คณะทำงานสธ. และสปสช.หารือบริหารงบหลักประกันสุขภาพปี 58 รับยังเห็นต่างการจัดสรรงบ เพราะมีเงื่อนไขต่างกัน ทั้งกลไกอำนาจการตัดสินใจของสปสช.คือบอร์ด รวมถึงด้านกฎหมาย และระเบียบปฏิบัติ สรุปเบื้องต้น ให้แต่ละฝ่ายเสนอแนวทางการจัดสรรงบและปฏิรูประบบต่อคสช. วันที่ 31 ก.ค.นี้ ด้านรองปลัดสธ.ย้ำ ไม่ปิดกั้นการมีส่วนร่วมจากประชาชน ย้ำการประชุมพรุ่งนี้คสช.เป็นฝ่ายเรียกไม่ใช่สธ. 

30 ก.ค. 57 นพ.วชิระ เพ็งจันทร์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมหารือร่วมกับคณะทำงานสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) นำโดยนพ.ชูชัย ศรชำนิ ผู้อำนวยการอาวุโส ประธานกลุ่มภารกิจสนับสนุนบริการสุขภาพ และคณะทำงานของสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นำโดยนพ.ธงชัย เลิศวิไลรัตนพงศ์ ผู้ช่วยปลัดกระทรวงสาธารณสุข ว่า การหารือในวันนี้ เพื่อร่วมกันจัดเตรียมข้อมูลการบริหารจัดการงบประมาณโครงการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ในปี 2558 เพื่อเตรียมการจัดสรรงบประมาณ เพื่อใช้กลไกการเงินการคลังควบคู่กับกลไกการบริหารจัดการของกระทรวงสาธารณสุข ในการทำงานให้สอดคล้องกับการปฏิรูปโครงสร้างการทำงานแบบเขตบริการสุขภาพ

นพ.วชิระกล่าวต่อว่า ผลการหารือในระดับปฏิบัติการในครั้งนี้ มีความเห็นตรงกันว่า ทั้งกระทรวงสาธารณสุข และสปสช. ถือเป็นทีมสุขภาพทีมเดียวกัน แต่มีบทบาทหน้าที่แตกต่างกัน โดยกระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้จัดบริการ (Provider) และผู้กำกับดูแล (Regulator) ส่วนสปสช.เป็นผู้ซื้อบริการแทนประชาชน (Purchaser) จึงต้องร่วมกันทำงานเพื่อพัฒนาคุณภาพบริการที่ดีกว่า (Better Service) ให้ประชาชนมีสุขภาพดี เมื่อเจ็บป่วยสามารถเข้าถึงบริการได้ง่าย และได้รับบริการที่มีคุณภาพด้วย ซึ่งต้องอาศัยทั้งกลไกทางการเงินและกลไกการบริหารจัดการในพื้นที่ควบคู่กัน เพื่อให้เกิดพลังขับเคลื่อนการจัดบริการสุขภาพ เพื่อแก้ปัญหาสุขภาพประชาชนได้ดียิ่งขึ้น บรรลุเป้าหมายและทิศทางเดียวกัน โดยเห็นว่าการบริหารแบบเขตสุขภาพ 12 เขต และกทม. เป็นการกระจายอำนาจจากส่วนกลางออกไปที่เขต ซึ่งอยู่ใกล้ชิดและรู้ปัญหาของพื้นที่ดีกว่าส่วนกลาง และยังขยายผลไปถึงเครือข่ายบริการสุขภาพระดับอำเภอ เพื่อสร้างความเข้มแข็งระบบการส่งเสริมสุขภาพควบคุมป้องกันโรค ลดการเจ็บป่วย และคุณภาพการรักษาดีขึ้น

“ซึ่งหลักๆ จะเสนอในเรื่องการปฏิรูปโครงสร้างการทำงานในรูปแบบเขตบริการสุขภาพ 13 พื้นที่รวมกรุงเทพฯ และการปฏิรูประบบการเงินการคลังด้านสาธารณสุขให้มีการใช้อย่างเกิดประโยชน์ คาดว่าจะมีประเด็นเพิ่มเติมที่คสช.เคยเสนอให้มีการปฏิรูประบบข้อมูลข่าวสารด้านสุขภาพระดับชาติ ซึ่งแต่ละหน่วยงานจะเสนอความเห็นกันเอง ทางสธ.ไม่ได้ปิดกั้น ส่วนผลสรุปในการประชุมเป็นเช่นไรขอให้รอวันพรุ่งนี้(31 ก.ค.) “ นพ.วชิระ กล่าว

อย่างไรก็ตาม คณะทำงานยังมีความเห็นในหลายประเด็นที่แตกต่างกัน เช่นข้อจำกัดจากมติของคณะกรรมการบริหารหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า การมีส่วนร่วมของภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งด้านกฎหมาย ระเบียบวิธีการปฏิบัติ ในการจัดสรรงบประมาณหลักประกันสุขภาพฯ ลงพื้นที่ เนื่องจากแนวทางปฏิบัติของทั้ง 2 หน่วยงานแตกต่างกัน สำหรับการปฏิรูประบบข้อมูลสุขภาพ มีความเห็นร่วมกันว่ามีความจำเป็นต้องลดภาระเจ้าหน้าที่ในการรายงานข้อมูล ซึ่งมีรายงานการวิจัยพบว่า ใช้เวลาในการบันทึกข้อมูลร้อยละ 40 เท่ากับเวลาที่ใช้ในการบริการประชาชน และอีกร้อยละ 20 เป็นการประชุมต่างๆ จึงต้องร่วมกันกำหนดระบบการรายงานผลการปฏิบัติงานต่างๆ ให้เป็นทิศทางเดียวกันและเป็นฐานข้อมูลเดียวกันสามารถใช้ร่วมกันได้หลายหน่วยงาน ทั้งนี้ การหารือในครั้งนี้เป็นความเห็นร่วมกันในระดับคณะทำงาน จะต้องเสนอต่อผู้มีอำนาจตัดสินใจของแต่ละหน่วยต่อไป

ผู้สื่อข่าวถามกรณีเครือข่ายสุขภาพออกมาร้องขอมีส่วนร่วมในการเสนอแนวทางปฏิรูประบบ นพ.วชิระกล่าวว่า ประเด็นการมีส่วนร่วมมีตลอด แต่ในเรื่องการประชุมครั้งนี้ ทางคสช.ฝ่ายสังคมจิตวิทยา เป็นผู้เรียกประชุม ซึ่งไม่ใช่ทาง สป.สธ.