ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

สธ.เผยผลตรวจทางห้องปฏิบัติการของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์และจุฬาลงกรณ์   ผู้เข้าเกณฑ์สอบสวนโรครายที่  2 ที่พักดูอาการที่โรงพยาบาลราชวิถีครั้งที่ 1 ไม่พบเชื้ออีโบลา อาการเข้าข่ายเป็นไข้หวัด วันนี้ สบายดี ไม่มีไข้ เตรียมเจาะเลือดตรวจซ้ำวันที่ 15 กันยายน 2557 ตามมาตรฐานการควบคุมป้องกันโรค ย้ำขณะนี้โรคอีโบลา ยังไม่ระบาดในไทย ขอประชาชนอย่าตื่นตระหนก

วันนี้ (12 กันยายน 2557)ที่กระทรวงสาธารณสุข จังหวัดนนทบุรี นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค พร้อมด้วยแพทย์หญิงนฤมล สวรรค์ปัญญาเลิศ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิที่ปรึกษากรมการแพทย์ และนายแพทย์มานัส โพธาภรณ์ รองผู้อำนวยการกลุ่มภารกิจวิชาการ โรงพยาบาลราชวิถี แถลงความคืบหน้าอาการของชาย อายุ 52 ปี ผู้เข้าเกณฑ์สอบสวนโรคอีโบลารายที่ 2 ที่รับตัวไว้ดูแลในห้องแยกของโรงพยาบาลราชวิถีตั้งแต่วันที่ 10 กันยายน 2557 ว่า ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และที่คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ครั้งที่ 1 ปรากฎผลเลือดตรงกันคือเป็นลบ ไม่พบเชื้ออีโบลา ประเมินอาการเบื้องต้นเข้าข่ายผู้ป่วยไข้หวัด ขณะนี้อาการดีขึ้น รับประทานอาหารได้ ช่วยเหลือตัวเองได้ ไม่มีไข้ วัดอุณหภูมิร่างกายเช้าวันนี้ได้ 37 องศาเซลเซียลซึ่งถือว่าปกติ และจะเจาะเลือดตรวจซ้ำครั้งที่ 2 ตามมาตรฐานการดูแลผู้เข้าเกณฑ์สอบสวนโรค ในวันที่ 15 กันยายน 2557 ส่วนผู้สัมผัสโรคทั้ง 21 ราย กระทรวงสาธารณสุขจะติดตามอาการใกล้ชิดทุกวัน จนครบระยะเวลา 21 วัน ผลยังไม่พบรายใดผิดปกติ

นายแพทย์โอภาส กล่าวต่อว่า ในการรักษาผู้เข้าเกณฑ์สอบสวนโรครายนี้ เบื้องต้นได้ให้การรักษาตามอาการ และวางแผนตรวจหาการติดเชื้อโรคอื่นๆ ที่มีอาการใกล้เคียงกันด้วย หากผลการตรวจเลือดครั้งที่ 2 ออกมาเป็นปกติอีก แสดงว่าไม่ติดเชื้อไวรัสอีโบลา ผู้เข้าเกณฑ์สอบสวนโรครายนี้จะสามารถกลับบ้านได้ แต่กระทรวงสาธารณสุขยังคงติดตามอาการจนครบ 21 วัน ขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลและความคืบหน้าจากกระทรวงสาธารณสุขอย่างใกล้ชิด อย่าตื่นตระหนก เนื่องจากขณะนี้ประเทศไทยยังไม่พบผู้ป่วยโรคอีโบลา และยังไม่มีการระบาดในประเทศ         

สำหรับสถานการณ์โรคอีโบลาทั่วโลก องค์การอนามัยโลกรายงานข้อมูลถึงวันที่ 8 กันยายน 2557 พบผู้ป่วย 4,269 ราย เสียชีวิต 2,288 ราย สถานการณ์การระบาดที่น่าเป็นห่วงคือประเทศ ไลบีเรีย และเซียร์ร่าลีโอน จำนวนผู้ป่วยยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด