ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

25 ก.ย. 57 นพ.สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการภูมิภาคอาเซียน เรื่องงบประมาณที่ ยั่งยืนเพื่อสนนับสนุนการควบคุมยาสูบ ณ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริทสุขภาพ(สสส.) จัดโดยมูลนิธิเพื่อสังคมอาเซียนปลอดบุหรี่ร่วมกับสสส.โดยมีผู้ข้าร่วมประชุม80 คนจาก 8 ประเทศ อาทิ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เวียดนาม สิงคโปร์และผู้เชี่ยวชาญจากองค์การอนามัยโลก ภูมิภาคแปซิฟิกตะวันตก

นพ.สมศักดิ์ กล่าวว่า นานาประเทศได้เข้ามาร่วมประชุมเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้เรื่องการทำงานควบคุมยาสูบจากสสส.เพราะสสส.เป็นต้นแบบการทำงานลดผลกระทบและการควบคุมยาสูบที่เข้มแข็งในภูมิภาคนี้ ทั้งนี้บุหรี่เป็นสาเหตุก่อให้เกิดกลุ่มโรคNCDs และจากการประชุมสมัชชาองค์การอนามัยโลก มีเป้าหมายลดการเสียชีวิตจากกลุ่มโรคดังกล่าวให้ได้ 25%ในปี ค.ศ. 2025 เพราะบุหรี่เป็นปัจจัยเสี่ยงที่เชื่อมโยงให้เกิดโรคเบาหวาน โรคหัวใจ และมะเร็ง ไม่ใช่เฉพาะโรคปอดเรื้อรังเท่านั้น และในแต่ละปีมีผู้เสียชีวิต 6 ล้านคนทั่วโลก คาดการณ์ว่าในปี 2573 จะมีผู้เสียชีวิต 8 ล้านคนต่อปี

ดร.คาร์เมน ออเดรา-โลเปซ ผู้เชี่ยวชาญจากองค์การอนามัยโลก ภูมิภาคแปซิฟิกตะวันตก กล่าวว่า มาตรการที่มีประสิทธิภาพในการลดโรคNCDsจากปัจจัยเสี่ยงด้านต่างๆเช่น การเพิ่มภาษียาสูบและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยการเพิ่มภาษียาสูบขึ้นร้อยละ 10 สามารถลดการบริโภคยาสูบลงได้ร้อยละ 5 ถึง 4 อย่างไรก็ตามเมื่อใดที่หยุดการควบคุมยาสูบ แนวโน้มการบริโภคยาสูบที่เข้มข้นจะกลับมารมช.สาธารณสุข กล่าวต่อว่ากรณีการเสนอให้ขึ้นภาษียาเส้นนั้น ทางกระทรวงพร้อมที่จะผลักดันให้เกิดเป็นรูปธรรมรอเพียงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเสนอมา

ทพ.สุปรีดา อดุลยานนท์ รองผู้จัดการสสส.กล่าวเสริมว่า ที่ผ่านมาไม่สามารถปรับภาษียาเส้นได้เพราะมีกฏหมายคุ้มครองที่ระบุเป็นพันธุ์พื้นเมืองเกษตรกรปลูกใบยาแล้วมวนสูบเอง ซึ่งราคาที่ซื้อขายกันกิโลละ10 จากเดิมกิโลกรัมละ 5 แต่โดยข้อเท็จจริงบุหรี่พันธุ์พื้นเมืองไปปะปนกับธุรกิจค้ายาเส้น พิสูจน์ไม่ได้ว่าชนิดไหนเป็นพันธุ์พื้นเมือง ทำให้บุหรี่มวนเองมีราคาถูก กลุ่มคนที่มีรายได้น้อยหาซื้อได้ง่าย อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาได้เสนอให้ขึ้นภาษียาเส้นแต่ฝ่ายการเมืองแต่ละรัฐบาลไม่เห็นด้วยด้วยข้ออ้างว่าจะเป็นการรังแกคนจน แต่ในความเป็นจริงอาจมีผลกับฐานเสียง ซึ่งการขึ้นภาษีกระทรวงการคลังได้กำหนดโมเดลของการขึ้นไว้แล้ว โดยกำหนดให้เพดานภาษีให้เกือบเทียบเท่ากับบุหรี่ชนิดซอง