ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

สปสช.โอนเงินไตรมาสแรกล่วงหน้าให้รพ.สังกัดสป.สธ. 884 แห่งแล้ว 12,848 ล้านบาท ตั้งแต่ 24 ต.ค.เพื่อให้มีสภาพคล่องให้บริการผู้ป่วย ส่วนการเจรจากับสธ.นั้น ล่าสุดได้ข้อสรุปและหลักการร่วมแล้ว เน้นกระจายอำนาจ จัดการระดับพื้นที่ โอนเงินตรงที่รพ. ไม่ไปที่สธ.หรือเขตสุขภาพ ถ้าจะมีข้อตกลงใดๆ ต้องทำก่อนไตรมาสสอง และ สธ.จะยกร่างข้อเสนอใหม่ตามหลักการที่หารือร่วมกัน เพื่อเข้าสู่คณะอนุฯการเงินการคลัง และเข้าสู่การพิจารณาของบอร์ดสปสช.ต่อไป นัดหารือต่อ 30 ต.ค.นี้

นพ.วินัย สวัสดิวร

28 ต.ค.57 นพ.วินัย สวัสดิวร เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) กล่าวว่า หลังจากที่คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(บอร์ดสปสช.) ได้มีประกาศหลักเกณฑ์การบริหารจัดการกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติสำหรับผู้มีสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปีงบประมาณ 2558 ไปแล้วนั้น ขณะนี้สปสช.ได้โอนงบประมาณไตรมาสแรกให้รพ.สังกัดสป.สธ. ที่เป็นหน่วยบริการคู่สัญญาระดับปฐมภูมิ หรือ รพ.ชุมชนจำนวน 884 แห่ง ไปแล้วเมื่อวันที่ 24 ต.ค.ที่ผ่านมา จำนวน 12,848 ล้านบาท โดยใช้ตัวเลขประมาณการจากรายรับจัดสรรล่วงหน้าที่หน่วยบริการสาธารณสุขได้รับจัดสรรจากปีงบประมาณ 56 เพื่อให้หน่วยบริการมีสภาพคล่อง ทั้งนี้สาเหตุที่ไม่สามารถใช้ข้อมูลจากปีงบประมาณ 57 เพื่อคำนวณการจัดสรรล่วงหน้าได้นั้น เนื่องมาจากตัวเลขปี 57 มีปัญหาเรื่องการหักเงินเดือนบุคลากรสธ.ที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง จึงต้องใช้ตัวเลขปี 56 แทน

นพ.วินัย กล่าวต่อว่า สำหรับความคืบหน้าการหารือเรื่องหลักการแนวทางการบริหารกองทุนระหว่างกระทรวงสธ. สปสช. และคณะอนุกรรมการพัฒนาระบบการเงินการคลัง ซึ่งเป็นไปตามมติบอร์ดสปสช. 22 ก.ย.57 ที่มอบหมายให้มีการหารือเพิ่มเติมในกรณีที่อาจจะมีความจำเป็นต้องปรับแก้เพิ่มเติมรายละเอียดหลักเกณฑ์การบริหารกองทุนฯเพื่อให้สอดคล้องกับข้อมูลของสธ. และนโยบายของรมว.สธ. และรมช.สธ. โดยให้ได้ข้อยุติภายใน 2 เดือนนั้น ที่ผ่านมา สธ.และสปสช.ได้หารือมาอย่างต่อเนื่อง โดยสปสช.มอบ นพ.พีรพล สุทธิวิเศษศักดิ์ รองเลขาธิการสปสช. หารือร่วมกับ นพ.วชิระ เพ็งจันทร์ รองปลัดสธ.ซึ่งได้รับมอบหมายจาก นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดสธ.

ทั้งนี้ ผลการหารือยึดตามประเด็น 3 ข้อที่สธ.เสนอ และมีข้อสรุปร่วมกันซึ่งทั้งสองฝ่ายมีความเห็นตรงกัน ดังนี้

1.ข้อเสนอการดำเนินการรูปแบบเขตสุขภาพนั้น มีข้อสรุปว่าการหารือครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อรื้อการจัดการงบประมาณปี 58 แต่เป็นการปรับเพื่อต่อยอดให้เหมาะสมขึ้น และเป็นการพูดคุยในส่วนของงบประมาณที่จัดสรรให้สธ.เท่านั้น ซึ่งการจัดสรรยังคงเน้นหลักการสำคัญคือ จัดสรรเงินตรงไปที่หน่วยบริการ เน้นการกระจายอำนาจ และการจัดการในระดับพื้นที่มากที่สุด ส่วนข้อตกลงใดๆต้องเป็นการตกลงก่อนการจัดสรรเงิน และจะไม่มีการโอนเงินไปไว้ที่สธ.หรือเขตบริการสุขภาพของสธ.โดยเด็ดขาด การจัดสรรจะใช้หลักการคำนวณใกล้เคียงกับผลงานและจ่ายขาดโดยไม่มีการเรียกเงินคืน เงินที่เหลือหรือขาดจะใช้หลักการหักลบกลบหนี้กันในปีต่อไป และการทำข้อตกลงระดับกระทรวงหรือระดับเขต จะเน้นการกำหนดตัวชี้วัดร่วมกัน ทั้งด้านกระบวนการและผลลัพธ์ และมีมาตรการรองรับหากทำไม่ได้ตามเป้าหมายที่ตกลงไว้

2.รูปแบบการบริหารงบเหมาจ่ายรายหัว เห็นชอบว่ามีความจำเป็นจะต้องมีการสร้างสมดุลระหว่างการจัดสรรงบผู้ป่วยนอก งบผู้ป่วยใน และงบบริการเฉพาะ โดยงบบริการเฉพาะจะให้ความสำคัญว่าประเด็นใดควรแยกดำเนินการในระดับใด และให้สอดคล้องกับเขตบริการสุขภาพของสธ. และกลุ่มเป้าหมายของสปสช. ส่วนการทำข้อเสนอรูปแบบการบริหารงบเหมาจ่ายรายหัวนั้น มอบหมายให้สธ.และสปสช.ทำงานร่วมกันเพื่อจัดทำข้อเสนอดังกล่าว และเห็นชอบร่วมกันถึงความสำคัญของการสร้างเสริมสุขภาพป้องกันโรค โดยให้มีการทำข้อเสนอ เป้าหมาย กลไก โดยขอความเห็นชอบจาก นพ.ณรงค์ศักดิ์ อังคะสุวพลา บอร์ดสปสช.

3.ข้อเสนอการตัดเงินเดือนของสธ.นั้น เนื่องจากเป็นข้อเสนอที่ทำให้เงื่อนไขข้อเสนอ 2 ข้อข้างต้นไม่สามารถดำเนินการได้ จึงขอให้ใช้ข้อตกลงที่ได้ผ่านคณะอนุกรรมการพัฒนาระบบการเงินการคลังแล้วเป็นหลัก 

“ส่วนการดำเนินการต่อไปนั้น เมื่อได้ข้อสรุปร่วมตามหลักการข้างต้นแล้ว ทางสธ.จะประชุมภายในเพื่อยกร่างจัดทำข้อเสนอใหม่ หลังจากนั้นจะนัดหมายเพื่อนำเสนอร่างข้อเสนอใหม่กับผู้เกี่ยวข้อง ได้แก่ ผู้บริหารสธ.และสปสช. ประธานการเงินการคลังเขตบริการสุขภาพของสธ. และสปสช.เขต ก่อนจะมีการนำข้อเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะอนุกรรมการพัฒนาระบบการเงินการคลังในต้นเดือนพ.ย. และเข้าสู่การพิจารณาของบอร์ดสปสช.ในวันที่ 10 พ.ย.ต่อไป” เลขาธิการสปสช. กล่าวและว่า ในวันที่ 30 ต.ค.นี้ จะมีการหารืออีกครั้งระหว่าง นพ.พีรพล และนพ.วชิระ