ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

“กลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ” ห่วงความขัดแย้ง สธ.-สปสช.บานปลาย ผู้ปฏิบัติงานสับสนเหตุนโยบายไม่ชัด หวั่นกระทบประชาชน เข้าไม่ถึงการรักษา เตรียมเข้าพบหมอรัชตะ 30 ต.ค.นี้ จี้ทำหน้าที่รมต.เร่งแก้ไขปัญหาหลังนั่งบริหารร่วม 3 เดือน ยึดหลักปกป้อง “ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า” พร้อมขอเป็นเจ้าภาพเปิดเวทีประสานพูดคุยเพื่อหาทางออก ห่วงขาดการมีส่วนร่วมหากสธ.จะขอเป็นผู้จัดสรรงบเอง เพราะไม่มีกลไกการมีส่วนร่วมจากประชาชน จะทำให้ถอยหลังเข้าคลอง

น.ส.สุรีรัตน์ ตรีมรรคา

29 ต.ค.57 น.ส.สุรีรัตน์ ตรีมรรคา แกนนำกลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ กล่าวถึงปัญหาระหว่างกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ที่เกิดขณะนี้ว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นยอมรับว่าทำให้ประชาชนมีความสับสนอย่างมาก โดยเฉพาะข้อมูลที่นำเสนอจาก สธ. ที่ระบุถึงปัญหาการขาดทุนของโรงพยาบาล จึงเสนอปรับเปลี่ยนวิธีการกระจายงบประมาณขาลงในกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปี 2558 จากแต่เดิมที่เคยจัดสรรตรงไปยังหน่วยบริการ ให้กระจายไปยัง 12 เขตบริการสุขภาพของสธ.แทน ตรงนี้ไม่มั่นใจว่า หาก สปสช.ดำเนินการตามที่ สธ.เสนอแล้วจะแก้ไขปัญหาโรงพยาบาลขาดทุนได้จริงหรือไม่ รวมถึงข้อเท็จจริงปัญหาการขาดทุนโรงพยาบาลสังกัด สธ. เนื่องจากที่ผ่านมางบเหมาจ่ายได้การกระจายตามจำนวนประชากรและการบริการของหน่วยบริการ

จากประเด็นความขัดแย้งที่เกิดขึ้นนี้ น.ส.สุรีรัตน์ กล่าวว่า ต้องเร่งเคลียร์ให้ชัดเจนก่อนจะส่งผลกระทบต่อการรับบริการของประชาชน และ ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งนั่งในตำแหน่งประธานคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ดสปสช.) ด้วย ควรจัดการปัญหานี้โดยเร็ว ซึ่งขณะนี้เวลาได้ล่วงเลยมา 2-3 เดือนแล้วหลังเข้าบริหารในตำแหน่ง รมว.สาธารณสุข นอกจากนี้ควรแสดงจุดยืนที่ชัดเจนว่า การบริหารระบบสาธารณสุขในยุค ศ.นพ.รัชตะ จะให้ความสำคัญในเรื่องใด โดยเฉพาะจะปกป้องระบบหลักประกันสุขภาพที่เป็นของประชาชนอย่างไร ทั้งนี้มองว่าหากปล่อยให้จัดสรรงบขาลงไปยังเขตบริการสุขภาพ เท่ากับทำให้กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติถอยหลังกลับเข้าคลอง

“การเข้ามาเป็นรัฐมนตรีเฉพาะกาลยุคนี้ ในยุคที่ประเทศไทยไม่ได้อยู่ในภาวะปกติ ไม่ได้อยู่ในระบอบประชาธิปไตย รัฐมนตรีจะมากลัวโน่นกลัวนี่ไม่ได้ ศ.นพ.รัชตะ ไม่ได้เป็นนักการเมือง ไม่จำเป็นต้องรักษาหรือมีฐานเสียงจากใคร ซึ่งในการบริหารของท่านรัฐมนตรีต้องไม่ทำให้ระบบหลักประกันสุขภาพของประชาชนเกิดปัญหา ทั้งยังต้องสนับสนุนเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงบริการรักษาพยาบาลเพิ่มขึ้น” แกนนำกลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ กล่าวและว่า นอกจากนี้ยังต้องเคลียร์ปัญหาโรงพยาบาลขาดทุน โดยตรวจสอบว่าขาดทุนเพราะอะไร ควรให้สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เข้าไปตรวจบัญชีโรงพยาบาลที่ขาดทุนว่าได้จัดทำบัญชีถูกต้องหรือไม่ เพื่อที่จะแก้ไขปัญหาได้ตรงจุด

ต่อข้อซักถามว่า ขณะนี้ สธ.ได้เร่งรัดข้อเสนอทั้งจัดสรรงบขาลงไปยังเขตบริการสุขภาพ รวมถึงการยุบกองทุนย่อยให้เหลือเพียง 4 กองทุนหลัก ซึ่งขอให้ดำเนินการไตรมาส 2 ปีงบประมาณ 2558 นี้ น.ส.สุรีรัตน์ กล่าวว่า ต้องบอกว่าที่ผ่านมาการแยกกองทุนเหล่านี้ได้ช่วยให้ประชาชนเข้าถึงบริการเพิ่มขึ้น หากปล่อยให้ยุบกองทุนเหล่านี้และจัดสรรเป็นเงินเหมาจ่ายไปยังหน่วยบริการ เกรงว่าการบริการจะกระจุกตัวอยู่ที่โรงพยาบาลขนาดใหญ่เช่นเดิม ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการเข้าถึงการรักษาของประชาชน

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากความขัดแย้งที่เกิดขึ้นนี้ยังแก้ไขไม่ได้จะเป็นอย่างไร น.ส.สุรีรัตน์ กล่าวว่า เชื่อว่าสถานการณ์คงจะเลวร้าย และประชาชนเองอาจต้องขอเป็นเจ้าภาพเปิดเวทีเพื่อให้ทั้งฝั่ง สธ. และบอร์ด สปสช.มาพูดคุยเพื่อให้เกิดความชัดเจน เพื่อดูว่าปัญหาอยู่ตรงไหน เรียกว่าขอเป็นเจ้าภาพในการประสานแก้ไขปัญหา อย่างไรก็ตามขณะนี้ทางกลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพและเครือข่ายอยู่ระหว่างการประสานเพื่อขอเข้าพบ รมว.สาธารณสุขในวันที่ 30 ต.ค.นี้ เพื่อพูดคุยในเรื่องนี้และขอให้เร่งดำเนินการแก้ไข เพื่อไม่ให้ปัญหาบานปลายและส่งผลกระทบต่อประชาชน อีกทั้งภาคประชาชนขอสนับสนุนให้เกิดการแก้ไขเพื่อทำให้ระบบหลักประกันสุขภาพดีขึ้น

ต่อข้อซักถามว่า ความเป็นไปได้ที่กลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพและภาคประชาชนจะเป็นผู้ประสานและแก้ไขความขัดแย้ง เพราะที่ผ่านมาถูกมองว่าเป็นกลุ่มที่สนับสนุน สปสช. น.ส.สุรีรัตน์ กล่าวว่า ทางกลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพและภาคประชาชนไม่ได้อยู่ฝ่ายใด แต่ยืนอยู่บนประโยชน์ของประชาชน ซึ่งการมี สปสช.ช่วยถ่วงดุล สร้างความโปร่งใส ประชาชนได้เข้าไปมีส่วนร่วมเป็นกรรมการบริหารทุกระดับ ทำให้ทราบทุกสถานการณ์ แต่ขณะหากเป็นการบริหารของ สธ. ที่เป็นรูปแบบราชการจะไม่ทราบอะไรเลย ซึ่งหากมีการส่งงบประมาณไปยังเขตบริการสุขภาพ ประชาชนจะถูกกันเป็นเพียงแค่คนนอกอีก